World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Friday January 6, 2012 06:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ในวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.72 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,415.70 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.76 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,281.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.50 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 2,669.86 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์พลังงานของสหรัฐเริ่มชะลอตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมัน NYMEX ยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดขานรับข้อมูด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวลง 1.41 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ระดับ 101.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.73 - 101.34 ดอลลาร์

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษเตือนว่าอาจจะใช้มาตรการทางทหารจัดการกับอิหร่าน หากอิหร่านยังขู่ที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของสกุลเงินยูโรยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำด้วย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,620.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. หลังจากที่สัญญาเคลื่อนไหวในกรอบ 1620.1 - 1602.0 ดอลลาร์ในระหว่างวัน

-- สกุลเงินยูโรร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปและความผิดหวังที่นักลงทุนมีต่อผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ

ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.16% แตะที่ 1.2790 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2940 ดอลลาร์สหรัฐ และดิ่งลง 0.59% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.660 เยน จากระดับ 99.250 เยน ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.77% แตะที่ 1.5495 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5615 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.150 เยน จากระดับ 76.670 เยน และทะยานขึ้น 1.20% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9525 ฟรังค์ จากระดับ 0.9412 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.94% แตะที่ 1.0267 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0364 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.74% แตะที่ 0.7810 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7868 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของยุโรปปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสพุ่งขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่ารัฐบาลของประเทศยุโรปอาจประสบกับความยากลำบากในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ

ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 44.19 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,624.26 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ