สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่า ยอดค้าปลีกยูโรโซนในเดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.8% จากเดือนต.ค. และร่วงลง 2.5% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ของปี 2553 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกถึงผลกระทบจากมาตรการรัดเข็มขัดในหลายประเทศทั่วภูมิภาค
รายงานระบุว่า ยอดค้าปลีกในโปรตุเกสร่วงลงหนักสุดถึง 9.2% จากปีที่แล้ว โดยโปรตุเกสเป็นประเทศหนึ่งในยูโรโซนที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะจนต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ประเทศที่ร่ำรวยกว่าในแถบยุโรปเหนือและช่วยค้ำจุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อย่างเยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ ก็มียอดค้าปลีกลดลงเช่นกัน โดยลดลงเท่ากันที่ 0.9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า วิกฤตหนี้สาธารณะที่ย่ำแย่ลงกำลังส่งผลลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาค แม้แต่ประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
สำหรับยอดค้าปลีกในสหภาพยุโรป (อียู) ทั้ง 27 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศสมาชิกที่ไม่ได้ใช้สกุลเงินยูโร อย่าง อังกฤษ และ สวีเดน ปรับตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย. 2554 เมื่อเทียบกับเดือนต.ค. และลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า