นายเฮอร์มาน แวน รอยปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อียูจะส่งเสริมความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ วินัยด้านการคลัง และ ครงการให้ความช่วยเหลือ
โดยนายแวน รอมปุย กล่าวว่า เศรษฐกิจ อัตราว่างงาน และ สถานการณ์ด้านการเงินจะเป็นวาระการประชุมอันดับแรกในการประชุมหารือของอียู "เสถียรภาพด้านการเงินถือเป็นความวิตกกังวลร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่ในกลุ่มประเทศยูโรโวนเท่านั้น แต่เป็นความวิตกกังวลของทั้งสหภาพยุโรป" เขากล่าว
นอกจากนี้ นายแวน รอมปุย ยังกล่าวเสริมว่า "การบรรลุข้อตกลงเป็นไปอย่างยากลำบากในปีที่ผ่านมา และ เราจะดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวโดยไม่รอช้า"
ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ของนายแวน รอมปุย มีขึ้นภายหลังการประชุมร่วมกับนางธรอนนิง ชมิดท์ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
นายแวน รอมปุยให้คำมั่นว่า จะมีการลงนามในบทบัญญัติด้านการคลังฉบับใหม่ในต้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากที่คาดว่าฝ่ายการเมืองจะเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ภายในเดือนมกราคม โดยนายแวน รอมปุยระบุว่า จะสามารถดำเนินงานตามเครื่องมือของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยธนาคารกลางของสหภาพยุโรป (อีซีบี) จะเป็นตัวแทนดำเนินการ
นอกจากนี้ กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2555 ซึ่งมีผลเร็วกว่าที่กำหนด "สภายุโรปจะประเมินความพอเพียงของขนาดกองทุน ESM โดยไม่รอช้า" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน all our energy for this at the level of the Union and most importantly at the level of the Member States." Enditem