แถลงการณ์โดยกระทรวงการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย ระบุว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ระดับ 5.686 หมื่นล้านริงกิต เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาสินค้าที่แพงขึ้นและอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
การขยายตัวของการส่งออกมาเลเซียส่วนใหญ่ได้รับปัจจัยหนุนจาก ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบและน้ำมันกลั่น และน้ำมันปาล์ม
สินค้าส่งออกของมาเลเซียที่ขยายตัวขึ้น ประกอบด้วย เครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วน สารเคมี โลหะ และผลิตภัณฑ์ยางแปรรูป
ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มาเลเซียส่งออกสินค้าไปมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 7.59 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 30.2% เทียบกับระดับของปี 2553 โดยญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น เหล็ก และเหล็กกล้าเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.
จีนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่า 7.32 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 3.3% สูงกว่าระดับของปี 2553
ขณะที่การส่งออกไปไทยซึ่งเป็นประเทศที่มาเลเซียส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 5 นั้น ปรับลดลง 5.3% เป็นมูลค่า 2.6 พันล้านริงกิต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 เนื่องจากการเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงในไทยและฉุดอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
กระทรวงการค้าระหว่างประเทศมาเลเซียระบุว่า มูลค่าการค้าทั้งหมดช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. 2554 อยู่ที่ 1.156 ล้านล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนแรกในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่า 1.062 ล้านล้านริงกิต
ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2554 จีนยังครองอันดับตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย คิดเป็น 13.1% ของตัวเลขการค้าทั้งหมด และมีมูลค่า 1.5134 แสนล้านริงกิต
หากไม่นับปี 2552 การค้าของมาเลเซียกับจีนเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในระดับตัวเลขสองหลักในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน