นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่าในการหารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ค่ำวันนี้ ธปท.จะเสนอให้เพิ่มเงินนำส่งเพิ่มขึ้นจากอัตราที่สมทบเข้าสถาบันประกันเงินฝาก 0.4% เล็กน้อย แต่จะนับรวมทั้งเงินฝากและตั๋วบี/อี โดยธปท.จะนำเรื่องการลดภาษีนิติบุคคลให้กับธนาคารพาณิชย์เข้าไปแลก ซึ่งการเพิ่มเงินนำส่งดังกล่าวจะช่วยลดภาระเงินต้นและดอกเบี้ยของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การหารือวันนี้เป็นการหารือรอบแรก ยังไม่ทราบว่าธนาคารพาณิชย์จะรับข้อเสนอตัวเลขดังกล่าวได้หรือไม่ โดยธปท.พร้อมจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแธนาคารพาณิชย์ แพราะไม่ต้องการให้ผลักภาระให้ธนาคารพาณิชย์แล้วไปผลักภาระให้กับลูกค้าอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจและความสามารถการแข่งขันของประเทศ
นายประสาร กล่าวอีกว่า การใช้เครื่องมือทางการเงินของ ธปท.ไม่ต้องการให้เกิดการเหลื่อมล้ำด้านการแข่งขัน หรือเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐ ดังนั้น ธปท.จึงเสนอกระทรวงการคลังสั่งการให้ธนาคารรัฐนำส่งเงินสมทบเข้าสถาบันประกันเงินฝากด้วย แต่ได้รับการปฎิเสธ
ส่วนการใช้นโยบายการเงินของ ธปท.ในการดูแลภาคเศรษฐกิจของประเทศ ก็จะดำเนินต่อไปตามปกติ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไรของ ธปท.แม้ว่าจะต้องรับภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนข้อเสนอให้แบ่งทุนสำรองระหว่างประเทศมาชำระหนี้นั้น จริง ๆ แล้วดอกผลจากการบริหารทุนสำรองฯ ในปี 54 ที่ได้รับกว่า 9 พันล้านบาท ก็ช่วยลดหนี้ได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว โดยไม่ต้องแตะเงินต้นของทุนสำรองฯ เพราะทุนสำรองฯ ส่วนหนึ่งเป็นฝั่งของหนี้ คือ การที่ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในหุ้นและพันธบัตร
นายประสาร กล่าวว่า สุทธิแล้ว ธปท.ไม่ได้มีทุนสำรองฯ มากมายถึงระดับแสนล้านบาท และต้องเตรียมไว้เสมอสำหรับเมื่อนักลงทุนต่างชาติต้องการถอนการลงทุนออกไป แม้ว่า 10 ปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลการค้าโดยตลอด แต่ส่วนหนึ่งก็มีเงินของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยด้วย
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังและธปท.ได้นัดหมายที่จะหารือเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง