นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า มอบนโยบายให้นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ หาแนวทางลดเงินที่จะต้องชำระให้กับบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC)ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการจ่ายค่าฐานรากกรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต จากที่จะต้องชำระเงินต้นกว่า 600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ พร้อมทั้งเร่งรัดการพัฒนาต่อเนื่องและกำชับการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งให้เสร็จ
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้นัดเจรจาตกลงกับ BTSC เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.54 เพื่อเจรจาทำความตกลง ซึ่งได้รับรายงานว่ากรมธนารักษ์จะชำระครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยภายในเดือน ม.ค.55 ตามที่ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังผ่านทางกรมบัญชีกลางตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งกระทรวงการคลังได้เร่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วเสร็จโดยเร็ว
และ BTSC จะยกเว้นดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.54 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 60 วันนับแต่มีคำพิพากษาให้ชำระให้แล้วเสร็จจนถึงวันที่กรมธนารักษ์ชำระหนี้ครบถ้วนภายใน 31 ม.ค.55 อีกทั้งหากไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบภายในเดือน ม.ค.55 ขอให้ยกเว้นดอกเบี้ยตามคำพิพากษาในช่วงวันที่ 15 พ..ย.54 ถึง 31 ม.ค.55 ซึ่งคณะผู้บริหารของ BTSC เห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ม.ค.55 โดยกรมธนารักษ์จะรับผิดชอบภาระภาษีของยอดเงินดอกเบี้ยที่งดการเรียกเก็บดังกล่าวในอัตรา 30%
รมช.คลัง กล่าวว่า ผลของการเจรจาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ทำให้ราชการไม่ต้องชำระดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.54 ถึง 31 ม.ค.55 ซึ่งเมื่อคำนวณดอกเบี้ยแล้วต้องชำระถึงวันละประมาณ 120,000 บาท ในระยะเวลา 78 วัน ราชการสามารถลดภาระเงินที่ต้องชำระให้กับ BTSC ได้เกือบ 7 ล้านบาท
สำหรับการพัฒนาหาผู้ลงทุนดำเนินการต่อเพื่อนำรายได้กลับคืนในส่วนค่าฐานรากและดอกเบี้ยนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังที่จะนำเสนอขออนุมัติ ครม.ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังเร่งพิจารณาอยู่
ส่วนการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งนั้นเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดมานานซึ่งจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย ซึ่งจะไปเร่งรัดมากไม่ได้ แต่ตนเองได้กำชับให้กรมธนารักษ์ดำเนินการในเวลาที่เหมาะสมแล้ว