ดอลลาร์สหรัฐเดินหน้าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆในการซื้อขายช่วงท้ายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ขณะที่ยูโรร่วงแตะจุดต่ำสุดครั้งใหม่รอบ 11 ปีที่ 97.20 เยน ในช่วงสั้นๆ ในขณะที่รายงานที่ว่า ประเทศยุโรปอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ถ่วงยูโร และเพิ่มความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ค่าเงินยูโรอ่อนลง 1.18% แตะ 1.2674 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2825 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 0.16% แตะ 1.5315 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5339 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.22% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 76.930 เยน จากระดับ 76.760 เยน และบวก 0.99% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9525 ฟรังค์ จากระดับ 0.9432 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.08% แตะ 0.7938 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7944 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนวิตกว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) อาจจะปรับลดอันดับเครดิตประเทศยุโรปเมื่อวานนี้ ในขณะที่เอสแอนด์พีประกาศเครดิตพินิจเชิงลบต่อ 15 ประเทศเมื่อต้นเดือนธ.ค.
รมว.คลังฝรั่งเศสได้ยืนยันว่า ฝรั่งเศสจะถูกลดอันดับเครดิตลง 1 ขั้นจาก AAA
นอกจากนี้ ประเทศยุโรปอื่นๆ อาทิ อิตาลี, สเปน และโปรตุเกสยังอยู่ในรายการการปรับลดอันดับเครดิตที่เป็นไปได้เช่นกัน คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากเอสแอนด์พีหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ
แนวโน้มการลดอันดับเครดิตสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน ในขณะที่พวกเขาเทขายยูโรและเข้าซื้อสกุลเงินที่ปลอดภัยกว่า อาทิ ดอลลาร์ โดย ยูโรร่วงลงกว่า 1% สู่ระดับต่ำกว่า 1.27 เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ด้านเศรษฐกิจนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับขึ้นสู่ 74 ในเดือนม.ค. จาก 69.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 71.5 ดอลลาร์พุ่งขึ้นจากการอ่อนค่าของยูโรและความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์เดินหน้าเกือบ 1% สู่ 81.49 จุด