นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศยูโรโซน รวมถึงฝรั่งเศส หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดทำการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบรรยากาศการซื้อขายของตลาดในวันทำการต่อมา
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตุว่า ช่วงเวลาของการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากการตัดสินใจของเอสแอนด์พีมีขึ้นในช่วงเวลาที่สภาวะโดยทั่วไปในตลาดยุโรปเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ต้นปี 2555 ขณะที่การร่วงลงของสกุลเงินยูโร/ดอลลาร์ก็เริ่มชะลอตัวลง, ดัชนีตลาดหุ้นหลายแห่งในยุโรปเริ่มมีเสียรภาพและเริ่มส่งสัญญาการฟื้นตัว และอัตราผลกตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลยุโรป เช่นสเปนและอิตาลี ก็เริ่มปรับตัวลดลง
และที่มากกว่านั้นก็คือ ตลาดยังให้การตอบรับผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนเป็นอย่างดี ซึ่งเสมือนเป็นสัญญาณว่า วิกฤตหนี้มีโอกาสที่จะคลี่คลายลง
แต่ข่าวการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศยูโรโซนในครั้งนี้ ถือเป็นการโยนหินลงในสระน้ำที่กำลังสงบนิ่ง จึงทำให้ตลาดเกิดปฏิกริยาที่รุนแรงอย่างมาก และคาดว่าข่าวดังกล่าวอาจจะส่งให้ตลาดที่กำลังเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นนั้น อ่อนแรงลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นอกจากนี้ การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือยังมีขึ้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์ก่อนที่การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนม.ค. ซึ่งได้กลายมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่มักจะออกมาลดอันดับเครดิต หรือขู่ว่าจะลดอันดับเครดิตประเทศยูโรโซน ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอียู
การตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อถือ 9 ประเทศยูโรโซนของเอสแอนด์พี มีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นต่างๆในยุโรปปิดทำการแล้ว แต่สื่อหลายสำนักได้นำเสนอข่าวดังกล่าวก่อนที่จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นหลายแห่งของยุโรปร่วงลงเมื่อวันศุกร์