นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) กล่าวว่า สิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ทำอยู่ในภาพรวม ค่อนข้างดีแล้ว แต่ขณะนี้ควรจะเน้นการสร้างความเชื่อมั่น และขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุน
"ประเทศไทยจะไปหวังกำไรที่เกิดจากแรงานขั้นต่ำคงไม่ได้ เพราะต้องยกระดับของประเทศ เข้าไปสู่ Niche Market" นายศุภชัย กล่าวในงานสัมมนา CEO Forum
สำหรับปีนี้คาดว่าตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศ(FDI)จะขยายตัว 1.5-1.6% โดยธุรกิจ 5 ด้านที่เป็นอนาคตของประเทศไทย ได้แก่ ด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร เนื่องจากเป็นประเด็นปัญหาถาวรของโลก แต่จะต้องเพิ่มในเรื่องผลิตภาพให้เพียงพอ และการสร้างมูลค่าเพิ่ม, ธุรกิจสีเขียว เพื่อลดมลภาวะและดูแลสิ่งแวดล้อม, พลังงานทดแทน, ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการลงทุนใหม่ โดยผ่านระบบเฟรนไชส์
นายศุภชัย กล่าวว่า สิ่งสำคัญ คือรัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องการยกระดับทักษะ ความรู้ของแรงงาน รวมไปถึงการพัฒนาในระบบโลจิสติกส์ เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะจะไปหวังสิ่งที่มีอยู่เดิมไม่ได้ จะต้องเร่งสร้างอะไรใหม่ๆ เข้ามา
ด้านสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการ อาเซียน กล่าวว่า การที่ไทยจัดเวทีครั้งนี้ขึ้นมาไม่ใช่แค่การเรียกความเชื่อมั่นแต่เป็นการสะท้อนให้ประชาคมโลกเห็นว่าไทยสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และแนวทางการพัฒนาในอนาคตของไทย อยากฝากให้มุ่งไปทั้งภาพรวมของอาเซียนไม่ควรจะดึงมาเฉพาะไทยประเทศเดียว อาเซียนควรมีการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดกฎกติกาให้สอดคล้องกัน เนื่องจากหากดูสัดส่วนของมูลค่าการลงทุนในภูมิภาคในช่วงปี 52-53 เพิ่มขึ้นกว่า 100% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 8.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ