สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) ขณะที่สกุลเงินของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก รวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลีย ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเช่นกัน หลังจากจีนและเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.52% แตะที่ 1.2727 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2661 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.03% แตะที่ 1.5324 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5320 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.820 เยน จากระดับ 76.790 เยน และอ่อนค่าลง 0.47% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9500 ฟรังค์ จากระดับ 0.9545 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.58%แตะที่ 1.0366 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0306 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.81% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7988 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7924 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะคลี่คลายลง หลังจากมีรายงานว่า กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) สามารถระดมทุนด้วยการขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนล็อตใหม่ได้ 1.501 พันล้านยูโรเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลายุโรป ด้วยอัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่ายอยู่ที่ 3.1 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดการเงินยังคงมีความเชื่อมั่นในตราสารหนี้ของ EFSF ถึงแม้ว่า EFSF เพิ่งจะถูกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือก็ตาม
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 12 เดือนและ 18 เดือนได้ 4.88 พันล้านยูโรหรือประมาณ 6.23 พันล้านดอลลาร์ โดยต้นทุนในการกู้ยืมลดลง และรัฐบาลกรีซสามารถประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนได้ 1.625 พันล้านยูโร หรือประมาณ 2.06 พันล้านดอลลาร์ โดยต้นทุนในการกู้ยืมลดลงเช่นกัน
ความสำเร็จในการประมูลตราสารหนี้ของสเปนและกรีซช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากข่าวที่ว่าเอสแอนด์พีได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งได้แก่ฝรั่งเศส ออสเตรีย มอลตา สโลวาเกีย สโลเวเนีย อิตาลี โปรตุเกส สเปน และไซปรัส
นอกจากนี้ สกุลเงินยุโรยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบัน ZEW ของเยอรมนีที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจพุ่งขึ้นแตะระดับ -21.6 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ -53.8 ของเดือนธ.ค. ซึ่งนับเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ ZEW เริ่มจัดทำผลสำรวจนี้ในปี 2534 เป็นต้นมา
สกุลเงินของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากจีนรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 8.9% ในไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งแม้ว่าเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส แต่ก็ยังสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่วนจีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 9.2% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 8%
นักลงทุนจับตาดูอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ของอังกฤษซึ่งจะมีการเปิดเผยในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญตั้งแต่เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนพ.ย., ผลภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.