นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน แถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทให้เท่ากันทั่วประเทศโดยทันที โดยคำนึงถึงความเสมอภาคของแรงงานกับข้าราชการที่มีอัตราเงินเดือนเท่ากันทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ขอคัดค้านมติของคณะกรรมการไตรภาคีในการไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2-3 ปี ภายหลังปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และควรให้มีโครงสร้างค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม และรัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากจากผลสำรวจค่าครองชีพผู้ใช้แรงงานเดือนส.ค. 54 มีค่าใช้จ่ายสูงถึงวันละ 561.79 บาท
แถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.54 ประกาศนโยบายเร่งด่วนด้วยการให้แรงงานมีรายได้วันละ 300 บาท และผู้ที่จบปริญญาตรีมีรายได้ 15,000 บาท ภายในวันที่ 1 ม.ค.55 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมกลับให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างออกไปเป็นวันที่ 1 เม.ย.55 โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกันให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 39.5% นำร่องเพียง 7 จังหวัด และจะปรับให้ครบทุกจังหวัดในวันที่ 1 ม.ค.56 หลังจากนั้นจะไม่มีการปรับค่าจ้างขึ้นอีกเป็นเวลา 2-3 ปี
นายชาลี กล่าวว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแสดงเจตนาไม่ปฏิบัติตามนโยบายของตัวเองที่ให้สัญญาประชาคมกับผู้ใช้แรงงานกว่า 37 ล้านคน เพียงเมื่อมีเสียงคัดค้านจากภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังฉวยโอกาสจากสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำเติมผู้ใช้แรงงานที่เข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ ต้องเสี่ยงจากการถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้จากโอที และเงินเดือนที่ได้ไม่ครบ ด้วยการเลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกไปและจะไม่ปรับขึ้นค่าจ้างอีก 2-3 ปี
ในทางกลับกันสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางรัฐบาลก็มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และยังรวมไปถึงสถานประกอบการนอกเขตน้ำท่วมต่างก็ได้รับประโยชน์จากการเลื่อนปรับขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอก็จะรณรงค์เคลื่อนไหวกับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศต่อไป