นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวในการเปิดงานสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างประเทศด้านการบริหารจัดการน้ำท่วมว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในเรื่องของงบประมาณและรายละเอียดของแผนฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้ราวต้นเดือน ก.พ.นี้ ส่วนการซ่อมแซมประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำจะดำเนินการทันทีหลังได้รับงบประมาณ 1.26 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนคือ การจัดตั้งกองทุนประกันภัย ซึ่งอยู่ระหว่างรอ 1 ใน 4 พ.ร.ก.การเงิน ให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งภาคธุรกิจเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และหลังจากรัฐบาลมีแผนลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำแล้วเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น โดยวงเงินประกันภัยทั้งระบบคาดว่าจะอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรทุนประเดิมจำนวน 5 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นรัฐบาลจะทยอยจะระดมทุนภายในประเทศเองโดยไม่รอการระดมทุนจากภาคเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย
"การที่รัฐบาลตั้งกองทุนประกันภัยขึ้นมาเองจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นมาอีก และรัฐบาลสามารถกำหนดเบี้ยประกันอย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช่คิดคำนวณจากความตกอกตกใจเหมือนบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ" นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า งานเร่งด่วนหลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น รมว.คลังนั้นเป็นเรื่องการผลักดันออก พ.ร.ก.การเงิน ทั้ง 4 ฉบับให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว และเดินหน้าสานต่องานจาก รมว.คลัง คนเดิม ซึ่งไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกันตามที่เป็นข่าว
ส่วนข้อเสนอเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากจากสถาบันการเงินของรัฐเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้หารือกับประธานสมาคมธนาคารแล้วก็เห็นด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นรายละเอียดที่ไม่จำเป็นต้องไปตื่นตระหนก เพราะแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนั้นจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืน