นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แสดงจุดยืนว่า เธอไม่สนับสนุนให้ดำเนินการตามคำเรียกร้องของตลาดในเรื่องการเพิ่มเงินทุนสมทบให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) แม้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศยูโรโซน และลดอันดับความน่าเชื่อถือของ EFSF ด้วยก็ตาม
"ดิฉันกำลังพยายามดูอยู่ว่า เยอรมนีสามารถจะทำอะไรเพื่อประเทศอื่นๆในยูโรโซนได้มากกว่านี้" นางแมร์เคลกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เยอรมนีจะสร้างความแข็งแกร่งในยูโรโซนได้อย่างไร ภายหลังจากถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
หลังจากที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืของกองทุน EFSF ลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทิ้งระยะห่างเพียง 3 วันหลังจากที่ S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศยูโรโซน รวมถึงฝรั่งเศสและออสเตรียนั้น ตลาดการเงินและเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกร้องให้เยอรมนีและประเทศอื่นๆในยุโรปที่มีอันดับเครดิต AAA ช่วยเพิ่มการจ่ายเงินสมทบให้กับกองทุน EFSF
อย่างไรก็ตาม เยอรมนีแสดงท่าทีไม่เต็มใจที่จะเพิ่มการจ่ายเงินสมทบในกองทุน EFSF โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่า ฐานเงินทุนของ EFSF "มีขนาดใหญ่พอ" ที่จะดำเนินการตามกลไกที่กำหนดไว้ในระยะหลายเดือนข้างหน้านี้
ขณะที่นางแมร์เคลกล่าวว่า เธอไม่เชื่อว่าการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศในยูโรโซนสามารถผลักดันให้เยอรมนีดำเนินการใดๆได้มากไปกว่าที่เป็นอยู่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานะของกองทุน EFSF จำเป็นต้องพึ่งพาการรับประกันจากประเทศยูโรโซนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA รวมถึงเยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฟินแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนศักยภาพด้านการปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ โดยศักยภาพในการปล่อยเงินกู้ของ EFSF ในปัจจุบันอยู่ที่ 4.40 แสนล้านยูโร หรือ 5.63 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ