กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยืนยันว่า ไอเอ็มเอฟจะเพิ่มทุนทรัพย์อีก 5-6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อยเงินกู้ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
-- สำนักงานสถิติของออสเตรเลีย (ABS) รายงานวันนี้ว่า อัตราการว่างงานของออสเตรเลียเดือนธ.ค.ทรงตัวที่ระดับ 5.2% ขณะที่ตัวเลขผู้ว่างงานลดลง 29,300 คน แตะระดับ 11,421,300 คนในเดือนธ.ค. เนื่องจากภาคเอกชนมีการจ้างงานเต็มเวลาเพิ่มขึ้น
-- นายโจเซฟ สติกลิซ นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลในปี 2544 เตือนว่า นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลยุโรปจะยิ่งทำให้วิกฤตหนี้ยุโรปทวีความรุนแรง มากกว่าที่จะช่วยแก้ปัญหา
-- ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐบ่งชี้ว่า มูลค่าการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 1.0389 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.99 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนต.ค. นับเป็นการทะลุหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยข้อมูลวานนี้ว่า ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในปี 2554 ปรับสูงขึ้น 9.72% เมื่อเทียบกับปี 2553 สู่ระดับ 1.16 แสนล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการลงทุนช่วง 11 เดือนแรกของปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.15%
-- นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แสดงจุดยืนว่า เธอไม่สนับสนุนให้ดำเนินการตามคำเรียกร้องของตลาดในเรื่องการเพิ่มเงินทุนสมทบให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) แม้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศยูโรโซน และลดอันดับความน่าเชื่อถือของ EFSF ด้วยก็ตาม
-- นายลีออน พาเนตตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐกล่าวว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในกองกำลังประจำการของสหรัฐที่อ่าวเปอร์เซีย ถึงแม้ว่าจะได้รับคำขู่จากอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้
-- บริษัท อีสต์แมน โกดัก ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการผลิตฟิล์มถ่ายรูปรายใหญ่และมีอายุยาวนานถึง 131 ปีของสหรัฐ ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งสหรัฐอเมริกาแล้วในช่วงเช้าวันนี้
-- คณะกรรมการประสานงานด้านการลงทุนของอินโดนีเซีย (BKPM) เปิดเผยวันนี้ว่า การลงทุนในประเทศและต่างประเทศของอินโดนีเซียในปี 2554 ขยายตัวสูงขึ้น 20.5% เมื่อเทียบกับปี 2553 สู่ระดับ 251.3 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์)
-- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552