นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) เสนอแนะให้รัฐบาลเดินหน้าปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เป็น 2.2 หมื่นบาท และค่าแรงขั้นต่ำเป็น 500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าในตลาด ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต ขณะที่เห็นว่าควรนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาลงทุนในประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชน แทนที่จะนำไปลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ
ทั้งนี้ นายธนินท์ มองว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเพิ่มขึ้นและปรับค่าแรงงานขั้นต่ำจะส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยและการจ้างงานซึ่งจะส่งผลบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพราะจะสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับราคาก๊าซและพลังงานทดแทนต่างๆ
"การปรับค่าแรงและเงินเดือนข้าราชการควรปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายที่มี ซึ่งค่าแรงควรอยู่ที่ 300 บาทต่อวันควรเพิ่มเป็น 500 บาทต่อวัน ขณะที่เงินเดือนข้าราชการขั้นต่ำควรจะปรับขึ้นที่ 2.2-2.3 หมื่นบาท จากที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 1.5 หมื่นบาท รวมถึงควรสนับสนุนธุรกิจขนากลาง-เล็กด้วย ซึ่งมีหลายบริษัทที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้"นายธนินท์ กล่าว
นายธนินท์ กล่าวว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)นำเงินทุนสำรองฯ ไปลงทุนซื้อพันธบัตรในต่างประเทศ มองว่าไม่ถูกต้อ เพราะควรให้ความสำคัญกับการผลิตในประเทศมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนสินค้าเกษตร สนับสนุนการปรับปรุงระบบชลประทาน
พร้อมกันนั้น ยังเห็นว่าทางการไม่ควรกังวลกับปัญหาเงินเฟ้อมากกว่าปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทุกประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นเรื่องปกติที่มีอัตรางเงินเฟ้อสูง หากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)เป็นตัวเลข 2 หลักและอัตราเงินเฟ้อยังเป็นตัวเลขหลักเดียวอยู่
"ยิ่งราคาพลังงานสูงเท่าไร ราคาสินค้าก็เพิ่มสูงเท่านั้น แต่ทุกวันนี้มองว่าราคาพลังงานอย่างเอทานอลยังไม่ขึ้นสูงเลยอย่าไปกังวลมันมากและราคาน้ำมันยังไม่สะท้อนพื้นฐาน อย่าหวังว่าน้ำมันจะถูกกว่านี้"นายธนินท์ กล่าว