นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ(กยอ.)กล่าวถึงแนวคิดการลดภาระหนี้สาธารณะภาครัฐด้วยการลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจ เพื่อเปิดช่องทางให้กู้เงินมาใช้พัฒนาประเทศเพิ่มขึ้นว่า รัฐบาลจะกู้เงินความจำเป็นที่จะใช้ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ
และไม่ต้องเป็นห่วงว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างที่เกิดกับประเทศกรีซและอาเจนตินาที่มีปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะสูง ซึ่งส่วนตัวเป็นห่วงวิกฤตทางการเงินที่จะต้องระมัดระวังมากกว่า
นายวีรพงษ์ กล่าวว่า แนวคิดการโอนหุ้นรัฐวิสาหกิจไปให้กองทุนวายุภักษ์ถือครองแทนกระทรวงการคลังเพื่อให้พ้นสภาพความเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.(PTT)และ บมจ.การบินไทย(THAI) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่แต่ละปีมีการใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงนั้น มองว่าไม่น่ามีปัญหา
โดยเฉพาะหากรัฐบาลจะให้กองทุนวายุภักษ์เข้าซื้อหุ้นเพียงสัดส่วน 2% จาก ปตท. เพื่อทำให้ ปตท. หลุดจาการเป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะจะทำให้หนี้ของ ปตท.ที่มีอยู่กว่า 7 แสนล้านบาทไม่กลายเป็นหนี้สาธารณะของรัฐบาลต่อไป และจะส่งผลให้สถานะการคลังของรัฐบาลดีขึ้น
ส่วนกรณีของการบินไทย ยังต้องมีการหรือทำความเข้าใจกับสหภาพการบินไทยก่อน เพราะขณะนี้สหภาพฯยังคงคัดค้านแนวทางที่จะให้การบินไทยพ้นสภาพความเป็นรัฐวิสาหกิจ
"การที่รัฐบาลมียอดหนี้สาธารณะต่อ GDP ลดลงจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติด้วย"นายวีรพงษ์ กล่าว
นอกจากนั้น ประธาน กยอ.ยืนยันด้วยว่าการที่รัฐบาลโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจากสถาบันการเงินจากกระทรวงการคลังไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ถือเป็นความชอบธรรมของรัฐบาล เพราะสถานะการเงินของ ธปท.ขณะนี้มีความเข้มแข็งพร้อมบริหารจัดการหนี้ จำนวน 1.14 ล้านล้านบาทได้
ทั้งนี้ ประธาน กยอ.ไม่ขอแสดงความเห็นต่อกรณีที่สมาคมธนาคารไทยรวมตัวคัดค้านการดำเนินการภายใต้ พ.ร.ก.โอนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่จะเปิดทางให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากเพิ่มเติมจากธนาคารพาณิชย์เอกชน เพื่อให้ธปท.นำเงินไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ