นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ประเทศยูโรโซนจำเป็นต้องหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มขนาดของกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้และป้องกันไม่ให้ผลกระทบของวิกฤตหนี้ลุกลามไปทั่วโลก
นางลาการ์ดกล่าวว่า การปรับลดงบประมาณมีแต่จะกดดันให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอยทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมกล่าวว่า จริงอยู่ที่หลายประเทศจะต้องใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลัง แต่ก็ไม่ใช่ทุกประเทศที่ควรจะใช้มาตรการนี้
นอกจากนี้ นางลาการ์ดยังเรียกร้องให้มีการเพิ่มขนาดของกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีศักยภาพด้านการปล่อยเงินกู้ มูลค่า 5 แสนล้านยูโร (6.50 แสนล้านดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม ลาการ์ดยืนยันว่า เธอไม่ได้เรียกร้องให้ประเทศยูโรโซนเพิ่มขนาดกองทุน EMS เป็น 2 เท่า ตามที่สื่อบางแห่งได้รายงานไปก่อนหน้านี้ แต่เธอเพียงเรียกร้องให้ปรับเพิ่มขนาดของกองทุนดังกล่าวเท่านั้น
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนางลาการ์ดมีขึ้นหลังจากที่เข้าร่วมประชุมกับนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งพยายามผลักดันให้ประเทศต่างๆในยูโรโซนใช้มาตรรัดเข็มขัด และยังแสดงท่าทีไม่สนับสนุนการเพิ่มขนาดกองทุน ESM
ในการประชุมอียูเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติให้ร่นระยะเวลาการใช้ ESM ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี และจากนั้นในช่วงต้นเดือนม.ค. 2554 นายกรัฐมนตรีแมร์เคล และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องการสมทบเงินเข้าสู่ ESM เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ทั้งนี้ ผู้นำอียได้จัดตั้ง ESM แทนกองทุนเดิมคือกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนกู้ยืมฉุกเฉินที่จัดตั้งโดยสหภาพยุโรป (อียู) และไอเอ็มเอฟเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยกองทุน ESM มีสิทธิอำนาจในการอนุมัตเงินกู้ให้กับสมาชิกยูโรโซน ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าเดิม