รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศยูโรโซนปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้ภาคเอกชน ที่ต้องการอัตราผลตอบแทน 4% สำหรับพันธบัตรระยะยาวที่มีการออกใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับพันธบัตรชุดปัจจุบันของกรีซ โดยรมว.คลังยูโรโซนระบุว่าข้อเสนอของเจ้าหนี้ภาคเอกชนยังไม่เพียงพอ
ที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนที่กรุงบรัสเซลส์ระบุว่า ที่ประชุมไม่สามารถยอมรับข้อเรียกร้องของฝ่ายเจ้าหนี้ภาคเอกชนที่ต้องการอัตราผลตอบแทน 4% สำหรับพันธบัตรระยะยาวที่มีการออกใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับพันธบัตรชุดปัจจุบันของกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินเอกชน เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนที่ 4.0% ถือเป็นระดับต่ำสุดที่พวกเขาสามารถยอมรับได้ ถ้าหากจะมีการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีของพันธบัตรที่พวกเขาถือครองอยู่ลง 50% แต่กรีซระบุว่ายังพร้อมที่จะจ่ายผลตอบแทนสูงกว่า 3.5% ในขณะที่รมว.คลังยูโรโซนก็สนับสนุนจุดยืนดังกล่าวของกรีซในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งก็ถือเป็นจุดยืนที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้การสนับสนุนด้วย
นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป และนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กกล่าวว่า "รัฐมนตรีกลุ่มยูโรโซนได้ขอให้กลุ่มเจ้าหนี้และรัฐบาลกรีซดำเนินการเจรจาต่อไป เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 4% สำหรับช่วงอายุทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าอัตราผลตอบแทนจะลดลงต่ำกว่า 3.5% ก่อนสิ้นปี 2563"
การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซมีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเลขหนี้สินของกรีซลดลงราว 1.00 แสนล้านยูโร ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินปรับตัวดลลงจากระดับ 160% ของจีดีพี มาอยู่ที่ระดับ 120% ของจีดีพี ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่เจ้าหน้าที่ของอียูและไอเอ็มเอฟมองว่าจะสามารถทำให้กรีซบริหารจัดการได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่รมว.คลังยูโรโซนปฏิเสธข้อเสนอของกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนนั้น ทำให้ต้องมีการกลับไปเริ่มเจรจาใหม่ และยังทำให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้