นายจุน อาซูมิ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤติหนี้สาธารณะเช่นเดียวกับยุโรป หากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการคลังและแก้ปัญหาฐานะการเงินที่ลดลงของประเทศได้ และปัญหาดังกล่าวอาจจะย่ำแย่ยิ่งกว่าบางประเทศในยูโรโซนที่กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ด้วยซ้ำ
นายอาซูมิกล่าวปาฐกถาในช่วงเริ่มเปิดประชุมรัฐสภาญี่ปุ่นว่า "เราจะเห็นได้จากปัญหาหนี้สินของรัฐบาลในยุโรปว่า การปล่อยให้ฐานะทางการเงินย่ำแย่ลงจะเป็นปัญหาอย่างมากต่อการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจ"
นอกจากนี้ เขายังแสดงความมุ่งมั่นที่จะกดดันให้มีการนำเสนอแผนปฏิรูปเพื่อฟื้นฟูสถานะทางการคลังของประเทศ ซึ่งอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้งการปรับเพิ่มภาษีการบริโภคที่กำลังเป็นประเด็นทางการเมือง โดยระบุว่า "การฟื้นฐานะการคลังเป็นภารกิจที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นและพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมาก ได้อนุมัติร่างแผนการปรับขึ้นภาษีการขายเป็น 8% จากปัจจุบันที่ 5% ในเดือนเมษายน 2517 และปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในเดือนตุลาคม 2558 เพื่อสมทบกองทุนค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมที่เพิ่มขึ้นของประเทศ อันเป็นผลเนื่องจากผู้เกษียณอายุงานและผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนและส่งผลกระทบต่อเสียงสนับสนุนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ และพรรคดีเจพี สำนักข่าวเกียวโดรายงาน