นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมวันนี้ว่า กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 3.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยระบุว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งเตรียมปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 54 และ 55 ลงจากที่เคยคาดไว้ด้วย
"กนง.ประเมินว่าการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้จะสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ระดับปกติได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเริ่มกระเตื้องแต่ยังเปราะบาง"นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตตจะเป็นอย่างไรนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะจะต้องรอดูปัจจัยใหม่ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำข้อมูลเข้าสู่การพิจารณาในการประชุม กนง.ครั้งต่อไป
นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ กนง.ได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง โดยเศรษฐกิจยุโรปคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะยังขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพไปอีกระยะหนึ่ง จากข้อจำกัดด้านการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังลดลงต่อเนื่อง สำหรับเศรษฐกิจเอเชียส่วนใหญ่ชะลอลงตามภาวะการส่งออกแต่ไม่มากนัก
ขณะที่เหตุการณ์อุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน และกระบวนการฟื้นฟูคาดว่าจะล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ราว 1-2 เดือน โดย กนง.ประเมินว่าการผลิตจะกลับมาเป็นปกติในไตรมาส 3/55 ช้ากว่าเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะเป็นปกติในไตรมาส 2/55
ทั้งนี้ มาตรการภาครัฐ ความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่เริ่มกระเตื้องขึ้น และภาวะการเงินที่เอื้ออำนวย จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรองรับการชะลอตัวของการส่งออกตามอุปสงค์โลกแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับลดลง จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ล่าช้ากว่าที่คาด ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ายังอยู่ในกรอบที่ธปท.คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์อุทกภัย ส่วนหนึ่งจากนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐที่จะทยอยเห็นผล จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังคงมีอยู่บ้าง คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ในภาวะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีไม่มาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อยังคงเป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย