ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ใช้โอกาสช่วงการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) เมื่อคืนวันอังคาร เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมสร้างอนาคตที่ "ทุกคนให้และได้รับอย่างเท่าเทียมกัน และอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน"
นายโอบามาแสดงความหวังว่าสาส์นจากเขาจะส่งไปถึงประชาชนที่ต้องทุกข์ทรมานจากการฝ่าฟันวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
เขาตอกย้ำว่า ต้องมีการเก็บภาษีคนรวยมากขึ้นและลดภาระที่ชนชั้นกลางต้องแบกรับ โดยกล่าวว่า "การปฏิรูปภาษีควรเป็นไปตามกฎบัฟเฟต นั่นคือ หากคุณมีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี คุณไม่ควรจ่ายภาษีต่ำกว่า 30%" และ "หากคุณมีรายได้ต่ำกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปี เช่นเดียวกับ 98% ของชาวอเมริกันทั้งหมด คุณก็ไม่ควรต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น"
ผู้นำสหรัฐเสนอว่า จะขึ้นภาษีคนรวยเพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการต่างๆ ทั้งในด้านการผลิต พลังงาน และการศึกษา ขณะเดียวกันก็จะช่วยลดตัวเลขขาดดุลของภาครัฐด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐใช้โวหารจูงใจแบบเดิมมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยพยายามขายวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างๆให้แก่ประชาชน หลังจากที่ต้องหงุดหงิดมานานเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรครีพับลิกัน ขณะเดียวกันพรรครีพับลิกันแย้งว่า ควรลดภาษีและผ่อนปรนข้อบังคับด้านภาษีเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่ากลยุทธ์ของนายโอบามาสัมฤทธิ์ผล ซึ่งเห็นได้จากช่วงที่รีพับลิกันขัดขวางการขยายเวลาลดภาษีเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ประชาชนเดือดดาล คะแนนนิยมของรีพับลิกันจึงร่วงลง ขณะที่คะแนนนิยมของโอบามาสูงขึ้น
อิซาเบล ซอวฮิลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยากไร้ในครัวเรือนและนโยบายการคลังของรัฐจากสถาบันบรู๊กกิ้งส์ ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า ปี 2554 เป็นปีแรกที่ปัญหาความยุติธรรม ความเสมอภาค และโอกาสในอเมริกา ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียงสาธารณะ และตอนนี้ก็กลายเป็นประเด็นโต้เถียงทางการเมืองไปแล้ว
"ฉันคิดว่าตลอดปี 2555 ประเด็นนี้จะยังคงร้อนแรง และประชาชนจะต้องตัดสินใจว่า รัฐบาลควรทำบางอย่างเรื่องความไม่เสมอภาคเพื่อช่วยเหลือคนจน อาจจะด้วยการขึ้นภาษีคนรวยอย่างที่ประธานาธิบดีเรียกร้องมาตลอด หรือว่ารัฐบาลควรหลีกทางตามที่พรรครีพับลิกันต้องการ และภาวนาว่าเศรษฐกิจจะเติบโตจนทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น" เธอกล่าว
บทวิเคราะห์โดย หวัง เฟิงเฟิง จากสำนักข่าวซินหัว