นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในปี 55 จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-2,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือบาททองคำละ 23,000-30,000 บาท
ปัจจัยบวกในระยะสั้นที่ส่งผลต่อราคาทองคำขณะนี้ คือ ความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรทองคำมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง โดยประเมินว่าความต้องการทองคำจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี ทั้งจากประชาชนทั่วไป, กองทุน รวมถึงธนาคารกลางหลายประเทศก็หันมาถือครองทองคำมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกในระยะกลางและระยะยาวต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ยังคงแนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาที่ระดับ 1,630 เหรียญสหรัฐ/ต่อออนซ์ เนื่องจากมองว่าราคาทองยังอยู่ในช่วง sideway up
ขณะที่ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สในปีนี้ก็คาดว่าปริมาณการซื้อขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 สัญญา/วัน จากปีก่อนที่ประมาณ 16,000 สัญญา/วัน
"การที่ราคาทองในช่วงนี้ค่อนข้างสูงก็อาจทำให้การซื้อขายทองคำรูปพรรณในประเทศลดลง แต่เชื่อว่าทองคำแท่งและฟิวเจอร์สจะยังมีความต้องการในระดับสูง...ส่วนเรื่องทองปลอมก็มีมาอย่างต่อเนื่องซึ่งก็ต้องระมัดระวัง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อเรามากเพราะส่วนใหญ่เราขายส่งให้กับร้านทองตามต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งก็มีวิธีตรวจอย่างเข็มงวด"นางสาวณัฐฑี กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้ามีบัญชีลูกค้าซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มอีก 2,000 บัญชี จากปีก่อนที่ 1,000 บัญชี ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดฯคาดว่าจะเพิ่มจาก 5% ในปีก่อนเป็น 10% ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจว่าการดำเนินการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะคืนทุนภายใน 3 ปี ตามเป้าหมาย นับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนม.ค. 54
ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญต่อการให้ความรู้เรื่องการลงทุนทองคำ ทั้งเรื่องพื้นฐานไปจนถึงความรู้ทางเทคนิค รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุน โดยจะมีการจักสัมมนาฟรีทุกวันอังคารและวันพฤหัสฯ รวมทั้งจะมีการเดินสายโรด์โชว์ให้ความรู้กับนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆและสถานที่สาธารณะตลอดทั้งปี เพื่อให้คนรุ่นใหม่หรือผู้ที่สนใจได้มีโอกาสเข้าใจการลงทุนในทองคำมากขึ้น
ส่วนกรณีที่ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) จะอนุญาตให้โบรกเกอร์ทองคำสามารถเทรดสินค้า Futures ได้ทุกชนิดในปีนี้ บริษัทก็พร้อมที่จะขอใบอนุญาตจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในครึ่งปีแรกนี้
"เราพร้อมทำ Full Licence TFEX ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างการดำเนินการทางด้านเอกสารต่างๆ ส่วนเรื่องระบบเราก็พร้อมแล้ว ทุนจดทะเบียนของเราอยู่ที่ 170 ล้านบาท ก็เป็นไปตามเกดณฑ์ที่กำหนดไว้ 100 ล้านบาท ก็น่าจะยื่นขอกับทาง ก.ล.ต.ภายในครึ่งปีแรกนี้"นางสาวณัฐฑี กล่าว