สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษไปจนถึงปลายปี 2557 ซึ่งการตรึงดอกเบี้ยต่ำทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าที่ไม่น่าดึงดูดใจ
ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.35% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.470 เยน จากระดับของวันพุธที่ 77.740 เยน และร่วงลง 0.10% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9206 ฟรังค์ จากระดับ 0.9215 ฟรังค์
ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.17% แตะที่ 1.5687 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5661 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินยูโรขยับขึ้นเล็กน้อย 0.05% แตะที่ 1.3103 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3109 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.17% แตะที่ 0.8189 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8175 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.21% แตะที่ 1.0619 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0597 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนแรงลงหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ พร้อมกับยืนยันว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2557 นอกจากนี้ เฟดยังกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.2 - 2.7% ในปี 2555 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนพ.ย.ที่ระดับ 2.5 - 2.9%
ทั้งนี้ แม้การตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ลดน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ ซึ่งคำยืนยันของเฟดครั้งล่าสุดนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินของประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและให้ผลตอบแทนมากกว่า เช่นยูโรและสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนหลังจาก GfK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.9 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 5.7 จุดในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเดือนที่ 2 บ่งชี้ว่าชาวเยอรมันมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากอิตาลีระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตร 2 ประเภทได้ 5 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ โดยมีต้นทุนการกู้ยืมลดลง ขณะที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคับคั่ง ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่ออิตาลี
นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ โดยนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ ยังคงเดินหน้าเจรจารอบใหม่กับนายชาร์ลส์ ดัลลารา กรรมการผู้จัดการสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) และนายฌอง เลอเมียร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งเป็นตัวแทนเจ้าหนี้ภาคเอกชนโดย IIF ระบุว่า จุดมุ่งหมายของการเจรจาคือ การหาข้อยุติในประเด็นทางเทคนิคและทางกฎหมายสำคัญๆทั้งหมดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทั้งนี้ กรีซพยายามขอให้เจ้าหนี้เอกชนลดหนี้ให้ 1 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะเปิดทางให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ และผู้นำกรีซหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยังหาข้อยุติเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้อตกลงไม่ได้ก็ตาม
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.0% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.8% ในไตรมาส 3/2554