รัฐบาลอิตาลีสามารถประมูลขายตั๋วเงินคลังได้ตามเป้าที่ 1.1 หมื่นล้านยูโร (1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ โดยมีอัตราผลตอบแทน หรือต้นทุนการกู้ยืมลดลงจากการประมูลขายก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตั๋วเงินคลังอายุ 182 วันของอิตาลีมียอดจำหน่ายที่ 8 พันล้านยูโร ด้วยอัตราผลตอบแทน 1.969% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และลดลงจากระดับ 3.251% ในการประมูลตั๋วเงินคลังประเภทเดียวกันเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนความต้องการตั๋วเงินคลังต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย อยู่ที่ 1.35 เท่า ลดลงจากจำนวน 1.69 เท่าในเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ อิตาลียังสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังอายุ 331 ได้ 3 พันล้านยูโร ด้วยอัตราผลตอบแทน 2.214%
ความสำเร็จในการประมูลตั๋วเงินคลังของอิตาลีมีขึ้นก่อนที่อิตาลีจะเปิดการประมูลตราสารหนี้ระยะยาวในวันจันทร์ ซึ่งจะเป็นการทดสอบความเชื่อมั่นที่ตลาดการเงินมีต่ออิตาลี หลังจากที่อิตาลีสามารถขายพันธบัตรที่ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยระหว่างงวด (Zero-coupon bond) ได้ 5 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุด
ทั้งนี้ อิตาลีได้ประโยชน์จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พยายามใช้มาตรการยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป ด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ โดยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่าน อีซีบีปล่อยเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีให้กับธนาคารพาณิชย์เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.89 แสนล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะบรรเทาภาวะสินเชื่อตึงตัว
การประมูลขายตั๋วเงินคลังในวันนี้มีขึ้นในช่วงเวลาอิตาลีพยายามทำทุกวิถีทางที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 2 ขั้น พร้อมกับประเทศอื่นๆในยูโรโซนอีก 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส ออสเตรีย สเปน และโปรตุเกสเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา