นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้มีการลงนามในข้อตกลงความช่วยเหลือทางวิชาการ TA 7998-THA การพัฒนาการเข้าถึงบริการทางการเงินของประเทศไทยระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารพัฒนาเอเซีย(ADB) ในการศึกษาและวางระบบพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง โดยได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่นจำนวน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มต้นตั้งแต่เดือน ก.พ.55 โดยมีสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เป็นหน่วยงานกำกับดูแลโครงการ
ทั้งนี้รัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายเพื่อลดปัญหาความยากจนและให้ความสำคัญกับระบบการเงินระดับฐานราก แต่ยังพบปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างครบวงจร รวมทั้งยังขาดการพัฒนาระบบการเงินระดับฐานรากอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยคาดการณ์ว่าครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยกว่าครึ่งใช้บริการสินเชื่อ และมากกว่าหนึ่งในสี่ของกลุ่มคนดังกล่าวไม่มีบัญชีเงินฝาก
นอกจากนี้ยังพบว่ามีเพียงร้อยละ 38 ของผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ขณะที่ร้อยละ 16 ไม่ได้ใช้บริการทางการเงินใดๆ เลย เมื่อเปรียบเทียบกับร้อยละ 80 ของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้มากซึ่งใช้บริการทางการเงินอย่างน้อยสามรูปแบบ
เนื่องจากการไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย การดำเนินงานภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการในครั้งนี้จะครอบคลุม 1.การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ด้านการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง 2.จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบริการทางการเงินและกฎระเบียบที่เกี่ยวกับระบบการเงินระดับฐานราก การคุ้มครองผู้บริโภค การให้ความรู้ทางการเงิน และประกันภัยระดับฐานราก 3.นำแผนปฏิบัติการมาดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเน้นที่การส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคและการให้ความรู้ทางการเงิน และ 4.การพัฒนาฐานข้อมูลการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุมอุปสงค์และอุปทาน
กระทรวงการคลังเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชียจะช่วยพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็งและประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง ยั่งยืน และมีวินัย โดยมุ่งหวังที่จะลดระดับจำนวนประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ร้อยละ 10 ภายในปี 2560 จากจำนวนประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในปี 2553 ที่มีประมาณ 6.5 ล้านราย โดยการทำงานระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารพัฒนาเอเชียจะเป็นในลักษณะหุ้นส่วน(Partnership) ที่มีความต่อเนื่องเพื่อให้การพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนมีความยั่งยืน