(เพิ่มเติม1) นายกฯ ตั้งเป้า GDP ปีนี้โต 5% ฟื้นเป็น V shape,ทุกภาคกลับสู่ปกติ Q2/55

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 1, 2012 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันให้เศรษฐกิจปี 55 ขยายตัวได้ถึง 5% โดยการเติบโตจะเป็นลักษณะ V shape ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจทุกภาคจะฟื้นตัวกลับสู่ปกติภายในไตรมาส 2/55 หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 54 แต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับความร่วมมือของทุกภาคส่วน และรัฐบาลจะระดมทุกสรรพกำลังในการกอบกู้เศรษฐกิจ

"มั่นใจในพื้นฐานของประเทศไทย ความรักความสามัคคีถือเป็นพื้นฐานสำคัญ เห็นได้จากน้ำท่วมที่มีธารน้ำใจคนไทยอยู่ไม่น้อย และตอนนี้ขอแรงคนไทยมาร่วมฟื้นฟูประเทศอีกครั้ง เพราะอยากเห็นเศรษฐกิจเติบโตเป็น V shape"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวในการสัมมนา"ถอดรหัสจีดีพีปี 55"

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้จะมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ การส่งออกที่จะต้องกระจายตลาดไปสู่ตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง อินเดีย หรือภายในอาเซียน เพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปปที่กำลังมีปัญหา ขณะเดียวกันรัฐบาลจะพยายามเร่งจัดการข้อตกลงเอฟทีเอกับประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น ให้มีข้อสรุปทั้งหมดภายในกลางปี 55 เพราะหากมีการเจรจาเอฟทีเอได้มากขึ้นก็จะเป็นประโฌยชน์ต่อการค้าการลงทุนในประเทศไทย

ส่วนภาคการลงทุน ไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจด้านเกษตรกรรมและบุคลากรที่ดีและยังมีจุดเด่นที่มีพื้นที่เชื่อมต่อคมนาคมไปนยังประเทศอื่น ๆ รอบด้าน ซึ่งต่างชาติมองไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการเชื่อมต่อในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องพัฒนาด้านโคงงสร้างพื้นฐานให้มีการเชื่อมต่อการคมนาคมทั้งในประเทศ และเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศที่มีความเจริญด้านการค้าและการลงทุน

รัฐบาลได้วางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในปี 55-59 โดยใช้งบประมาณ 2.27 ล้านล้านบาท ได้แก่ การปรับปรุงเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อเพื่อนบ้าน ด้วยการสร้างถนนไฮเวย์จากพม่าผ่านไทยไปยังลาวและเวียดนาม รวมถึงการทำจุดเชื่อมต่อท่าเรือน้ำลึกทวายของพม่าและยังท่าเรือแหลมฉบัง การพัฒนารถไฟความเร็วสูงจากจีนผ่านไทยไปยังลาว และการพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในประเทศ

ส่วนการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือน รัฐบาลจะเร่งกระตุ้นให้คนมีรายได้ต่อครัวเรือนสูงขึ้น ผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การปรับโครงสร้างภาษีเงินได้นิติบุคคลลดเหลือ 23% ในปีนี้และจะลดลงเหลือ 20% ในปีหน้า และนโยบายเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ 300 บาทในเดือน เม.ย. ปรับเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาทตั้งแต่ 1 ม.ค.55 รวมถึงมาตรการรับจำนำข้าว กองทุนหมู่บ้าน กองทุนเอสเอ็มแอล และกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

นายกรัฐมนตรี ยังมองว่าในปี 55 ยังมีปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจใน 3 ด้าน คือ ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ที่หลายประเทศมีความเห็นสอดคล้องกันว่าคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ง่าย ทำให้หลายประเทศหันมาพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น โดยความเปราะบางของเศรษบกิจสหรัฐและยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน แต่อีกด้านอาจเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้น และ ปัจจัยเสี่ยงเรื่องภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยขณะนี้รัฐบาลมีแผนออก พ.ร.ก.เพื่อเตรียมกู้เงินมาบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ไม่รวมงบประมาณฉุกเฉิน 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นสิ่งทีต้องทำให้ต่างชาติได้เห็นแผนงานอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เพราะเป็นห่วงว่าอาจจะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศคู่แข่งได้

ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งกำลังการผลิตและยอดขายของผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจใน 42 กลุ่ม พบว่า มีภาคธุรกิจถึง 80-90% เห็นว่าธุรกิจในเดือนม.ค.55 ปรับตัวดีขึ้น และอีก 10% มองว่าคงตัว แต่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดเห็นว่าปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ประเมินว่าในไตรมาส 1 ภาคธุรกิจจะกลับมาเป็นปกติได้ถึง 90% ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 7 แห่งในปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้การฟื้นฟูเยียวยาต่างๆ ได้เริ่มคืบหน้าไปแล้ว และนักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการวางแผนรับมือป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

"เมื่อวานนี้มีโอกาสได้พบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ในภาคอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งโรงงานถูกน้ำท่วม ตอนนี้ได้ติดต่อขอซื้อพื้นที่เพิ่มในนิคมฯ โรจนะ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก แสดงว่าเขามีความมั่นใจในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งภายในต้นมี.ค.นี้ ก็คิดว่าทุกนิคมฯ น่าจะมีความชัดเจนเรื่องการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำ" ประธาน ส.อ.ท. กล่าว

พร้อมมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 55 จะเติบโตได้ราว 5% และการเติบโตจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยจะโดดเด่นตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

ด้านนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร คาดว่า ยอดสร้างเสร็จจดทะเบียนของอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 55 น่าจะสูงกว่าปี 54 โดยเป็นไปตามภาคธุรกิจและปัจจัยบวกของภาคอสังหาฯ ในปีนี้ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เลื่อนหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน(LTV) ออกไปเป็น 1 ม.ค.56 รวมทั้งผังเมืองใหม่ที่ได้ขยายการบังคับใช้ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ ยังประเมินว่า ปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการแนวราบ เช่น ทาวน์เฮ้าส์, บ้านเดี่ยว อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากความกังวลปัญหาน้ำท่วม อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาได้ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยออกไปลงทุนในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีและเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

"ผมคิดว่าเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้มีอยู่สูง หลักจากได้เสียงข้างมาก และมีความมั่นใจต่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ความมั่นใจในมาตรการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจีดีพีโตได้ 5% แต่ดูจากศักยภาพแล้วมีโอกาสไปได้มากกว่านั้น" นายอิสระ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ