นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งศึกษาผลดีและผลเสียที่ไทยจะได้รับหากไทยเข้าร่วมเจรจาข้อตกลงการค้า Trans Pacific Partnership (TPP) ก่อนกำหนดท่าทีว่าไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีหรือไม่ ซึ่งเป็นห่วงว่าไทยอาจตกขบวนการค้าเสรีกรอบนี้
เนื่องจากมีสมาชิกอาเซียนอื่น ทั้งบรูไน, สิงคโปร์, มาเลเซีย และเวียดนามร่วมเป็นภาคีด้วย นอกเหนือจากประเทศผู้ริเริ่มอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้เข้าร่วมด้วยเมื่อปลายปี 54 ซึ่งไทยเป็นเป้าหมายหนึ่งที่สหรัฐฯ แสดงความสนใจให้เข้าร่วม แต่ไทยอยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่ผู้นำได้ตกลงกันไว้คือ FTA ไทย-อินเดีย ที่นายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศกำหนดให้ได้ข้อสรุป และพร้อมลงนามร่วมกันภายในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเชิญรัฐมนตรีการค้าอินเดีย มาเยือนไทยเพื่อหารือกันประเด็นติดค้างของ 2 ฝ่ายเพื่อให้การเจรจาคืบหน้าโดยเร็ว
ส่วนมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ที่เป็นอุปสรรคสำคัญของการเจรจาความตกลงกับต่างประเทศนั้น รัฐบาลมีแนวคิดจะแก้ไขอยู่แล้ว เพราะทำให้การเจรจาความตกลงกับต่างประเทศติดขัดและล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ มาก
ด้านนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ตามกำหนดเดิมนั้น FTA ไทย-อินเดียจะต้องทำให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้ แต่นายกรัฐมนตรี 2 ฝ่ายกลับเร่งให้เร็วขึ้นเป็นเดือนเม.ย.นี้ ทั้งที่ยังมีสิ่งที่ต้องเจรจาอีกมาก แต่กรมฯ จะพยายามทำให้เสร็จตามกำหนดการใหม่ให้ได้
สำหรับสิ่งที่ต้องหารือเพิ่มเติมหลังจากเปิดเสรีสินค้านำร่อง 83 รายการไปแล้ว คือ เร่งเจรจาลดภาษีสินค้าที่เหลืออีกหลายพันรายการ และกำหนดหลักเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้า รวมถึงเจรจาเปิดเสรีภาคบริการและภาคการลงทุน