แอลจี อีเลคทรอนิคส์ บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และผู้ผลิตโทรทัศน์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยวันนี้ว่า แอลจีสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 4 โดยได้รับอานิสงส์จากยอดขายสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์จอแบนที่ปรับตัวดีขึ้น
ผลกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทแอลจีในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.307 หมื่นล้านวอน (20 ล้านดอลลาร์) สวนทางกับในไตรมาส 3 ซึ่งแอลจีมีตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงาน 3.189 หมื่นล้านวอน และยอดขาดทุน 2.4569 แสนล้านวอนตลอดทั้งปี 2553
แอลจีมียอดขายไตรมาส 4 ลดลง 6.01% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 13.81 ล้านล้านวอน อย่างไรก็ตาม แอลจีมีรายรับเพิ่มขึ้น 7.11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ขณะที่ยอดขาดทุนสุทธิแตะที่ 1.1156 แสนล้านวอนในไตรมาส 4 น้อยกว่าไตรมาส 3 ซึ่งมียอดขาดทุนสุทธิ 4.1392 แสนล้านวอน และน้อยกว่าไตรมาส 4 ของปี 2553 ซึ่งมียอดขาดทุนสุทธิ 2.5645 แสนล้านวอน
ผลประกอบการในไตรมาส 4 สะท้อนให้เห็นยอดขายสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น จากที่เคยฉุดผลประกอบการของแอลจีมาเป็นเวลานานก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุที่ไม่สามารถตอบสนองการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว
โดยแผนกการสื่อสารเคลื่อนที่ของแอลจี ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตอุปกรณ์มือถือ มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 1.2 หมื่นล้านวอน เนื่องจากมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียม อย่าง Optimus LTE
แอลจีระบุด้วยว่า บริษัทจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของบริษัท ด้วยการมุ่งเน้นตลาดในเชิงกลยุทธ์ ด้วยการขยายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ นำโดยสมาร์ทโฟน LTE
สำหรับเป้าหมายในปี 2555 แอลจีตั้งเป้ายอดขายที่ 57.6 ล้านล้านวอน และจะลงทุนในด้านโรงงานเป็นเงิน 1.6 ล้านล้านวอน และด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นเงิน 2.6 ล้านล้านวอน สำนักข่าวซินหัวรายงาน