สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดหวังว่ารัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนจะสามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่สกุลเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.57% แตะที่ 1.3152 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3078 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ 1.5829 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5756 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.220 เยน จากระดับ 76.190 เยน แต่ร่วงลง 0.48% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9158 ฟรังค์ จากระดับ 0.9202 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.73% แตะที่ 1.0692 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0614 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.84% แตะที่ 0.8316 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8247 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซเผยว่า เขาจะพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งสัญญาณว่ากรีซมีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 และอาจจะสามารถรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากรายงานของมาร์กิต อิโคโนมิกส์ ที่ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซน ขยายตัวที่ระดับ 48.8 จุด เพิ่มขึ้นจาก 46.9 จุดในเดือนธันวาคม ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีเพิ่มขึ้นแตะ 51 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ส่วนเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังากนายจุน อาซูมิ รมว.คลังญี่ปุ่นส่งสัญญาณว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้มาตรการ "ขั้นเด็ดขาด" หากจำเป็น เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงินเยนในตลาดปริวรรตเงินตรา
"จุดยืนของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือหากพบว่าสกุลเงินเยนมีความผันผวนมากจนเกินไปหรือมีการเก็งกำไรในตลาดปริวรรตเงินตรา เราก็จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง และจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเมื่อจำเป็น" นายอาซูมิกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโตเกียว
ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 170,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานสหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 8.5% ในเดือนม.ค. เนื่องจากภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวและสามารถต้านทานวิกฤตหนี้ยุโรปได้