หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์รายงานอ้างการเปิดเผยของกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่อินโดนีเซียในวันนี้ว่า ราคาน้ำมันดิบของอินโดนีเซีย (ICP) ที่ถีบตัวสูงขึ้นนั้น สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องพิจารณาปรับลดเงินอุดหนุนราคาพลังงานลง เพื่อไม่ให้งบประมาณบานปลายไปมากกว่านี้
ทางกระทรวงระบุว่า ราคา ICP ปรับเพิ่มขึ้น 5.21 ดอลลาร์สหรัฐจากเดือนธ.ค. แตะที่ 115.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนม.ค. ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันโลกที่ทะยานขึ้นอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ในกรณีอิหร่านขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ
อุปทานน้ำมันจากไนจีเรียอาจหยุดชะงักลงชั่วคราว หลังจากคนงานขู่จะปิดล้อมโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่ง เพื่อตอบโต้นโยบายปรับเพิ่มเงินอุดหนุนราคาน้ำมันของรัฐบาล
กระทรวงพลังงานอินโดนีเซียยังเปิดเผยด้วยว่า ปัจจัยอื่นที่มีผลให้ราคา ICP ปรับเพิ่มขึ้นคือ รายงานจากศูนย์การศึกษาด้านพลังงานโลก (CGES) ที่ระบุว่า สต๊อกน้ำมันดิบของโลกลดลงไปอยู่ที่ 63 วัน และมีปฏิกิริยาในเชิงบวกในตลาดน้ำมันดิบต่อสถานการณ์วิกฤตหนี้ยุโรปที่ดีขึ้น อันเป็นผลจากความสำเร็จของรัฐบาลอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปนในการประมูลขายพันธบัตร
"ธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำไปจนถึงปี 2557 เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว นโยบายนี้ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับราคาน้ำมันโลก" กระทรวงพลังงานอินโดนีเซียระบุ
ส่วนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น เป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าช่วงฤดูหนาวที่พุ่งขึ้นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และยอดขายปลีกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขยายตัวขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน