นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนม.ค.55 มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ประเภทห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดทั่วประเทศ จำนวน 5,087 ราย ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 220 ราย หรือลดลง 4% แต่หากเทียบกับเดือน ธ.ค.54 แล้วเพิ่มขึ้น 2,537 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 99% แบ่งเป็นธุรกิจที่จัดตั้งในกรุงเทพฯ 1,945 ราย ส่วนภูมิภาค 3,142 ราย เงินทุนจดทะเบียนจำนวน 17,446 ล้านบาท
นิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็น 18% ของการจดทะเบียนจัดตั้งทั้งหมด คือ อันดับแรก ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 87 ราย อันดับสอง บริการนันทนาการ 40 ราย และอสังหาริมทรัพย์ 23 ราย
สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ สถิติจดทะเบียนเลิกในเดือนม.ค.55 มีจำนวน 1,094 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 484 ราย หรือเพิ่มขึ้น 79% แต่หากเทียบกับเดือนธ.ค.54 จะลดลง 2,615 ราย คิดเป็นลดลง 71% แบ่งเป็น การจดทะเบียนเลิกกิจการในกรุงเทพฯ 347 ราย ภูมิภาค 747 ราย มีเงินทุนจดทะเบียน 2,467 ล้านบาท
ประเภทธุรกิจที่มีจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็น 22% ของการจดทะเบียนเลิกทั้งหมด อันดับแรกก่อสร้างอาคารทั่วไป 136 ราย อันดับสอง บริการนันทนาการ 58 ราย และอันดับสามอสังหาริมทรัพย์ 46 ราย
ดังนั้น ทำให้ในปัจจุบันมีจำนวนห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทจำกัดคงอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ม.ค.55 รวมทั้งสิ้น 504,659 ราย และบริษัทมหาชนคงอยู่ 920 ราย รวมนิติบุคคลอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 505,579 ราย
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจเลิกกิจการในเดือนม.ค.55 มีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การขอจดเลิกกิจการในเดือนที่เกิดปัญหาน้ำท่วมต้องเลื่อนออกไปก่อน ตัวเลขจึงมาเพิ่มขึ้นหลังจากสถาการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย
แต่ทั้งนี้ ไม่น่าเป็นห่วงตัวเลขเลิกกิจการที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะหากเปรียบเทียบกับการขอจัดตั้งธุรกิจ พบว่ามีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 1 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมของรัฐบาล จะทำให้ยอดการขอจดทะเบียนทั้งจัดตั้งและเลิกกิจการทั้งปี 55 ขยายตัวได้ประมาณ 5-10% ถือเป็นระดับการประกอบธุรกิจที่ปกติอยู่