กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นลดลง 43.9% จากปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 9.63 ล้านล้านเยนในปี 2554 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการชะลอตัวลงของการส่งออก อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินเยนและเศรษกิจโลกถดถอย
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงระบุว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดือนสะพัดของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรวัดที่กว้างที่สุดในด้านการชำระบัญชีค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศและรวมไปถึงเงินลงทุนนั้น ได้ปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่กระทรวงการคลังได้เริ่มบันทึกสถิติในปี 2528
ในปี 2554 ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 1.61 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นสถิติการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 48 ปี หลังมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.0% สู่ระดับ 64.33 ล้านล้านเยน เนื่องจากญี่ปุ่นต้องนำเข้าน้ำมันและก๊าชธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อใช้ในการผลิตพลังงานความร้อน ภายหลังจากเกิดวิกฤตินิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา
สำหรับเดือนธันวาคมนั้น ยอดเกินดุลบัญชีเดือนสะพัดของญี่ปุ่นลดลง 74.7% มาอยู่ที่ 3.035 แสนล้านเยน และปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน เนื่องจากมูลค่าการส่งออกลดลง 7.0% และมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.8% ส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 1.458 แสนล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน