นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สมาคมธนาคารไทยเสนอเก็บให้เก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากจากธนาคารภาครัฐเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในการแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์เอกชนว่า ทางการรับรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะคุยกันมาหลายครั้งแล้ว และได้ชี้แจงให้ธนาคารพาณิชย์ไปหลายรอบแล้ว แต่ทำไม่ได้ ก็พร้อมจะหาแนวทางลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันดังกล่าว
"อย่าหวังเลย ผมรับจะดูแลความเหลื่อมล้ำให้ แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน"นายกิตติรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การพิจารณาอัตราการจัดเก็บเงินนำส่งดังกล่าวคงจะต้องชะลอไปก่อน เพื่อรอการตีความ พ.ร.ก.เพื่อปรับปรุงการบริหารหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
ขณะที่นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งแต่ไม่สามารถส่งผ่านนโยบายไปยังธนาคารพาณิชย์ได้ ทั้งๆ ที่ธนาคารกลางของประเทศจะเป็นผู้ควบคุมกลไก และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบธนาคารมีการแข่งขันสูง และธนาคารรัฐได้เปรียบไม่ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนประกันเงินฝาก 0.4% จึงสามารถทำแคมเปญเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ได้
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนที่สูง หากลดดดอกเบี้ยเงินฝากก็ต้องลดดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ให้เกิดความเสมอภาค และไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบกัน
"ผมไม่มีบทบาทที่จะเข้าไปดูในเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่ารัฐบาลดีเข้าใจดีถึงปัญหานี้"นายวิชิต กล่าว
ส่วนต้นทุนที่จะเพิ่มหลังจากมีการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ นายวิชิต กล่าวว่า พร้อมที่จะจ่ายแต่ต้องบริหารจัดการเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่การผลักภาระให้ลูกค้าจะต้องมีบริการที่ดี และเป็นที่พึงพอใจกับลูกค้า