"โฆสิต"มองเศรษฐกิจปี 55 ครึ้มฟ้าครึ้มฝนมองไกลไม่ชัด เตือนนักธุรกิจตั้งสติให้ดี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 8, 2012 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ(BBL)ปาฐกถาพิเศษ"ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยในปี 55"ว่า เศรษฐกิจในปีนี้เป็นปีของความครึ้มฟ้าครึ้มฝน เป็นปีที่มีแต่ความมัวและมองระยะไกลลำบาก ดังนั้น นักธุรกิจคงต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจมากกว่าปีก่อน และต้องตั้งสติพอสมควร เนื่องจากเศรษฐกิจมีความซับซ้อนและปัจจัยหลายด้านยังเป็นปัญหา

นายโฆสิต ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงขยาตัวได้ในอัตรา 4-5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตจากฐานปีก่อนที่อยู่ในระดับต่ำจากผลกระทบน้ำท่วม โดยในไตรมาส 1/55 และไตรมาส 2/55 เป็นช่วงของการฟื้นฟู ดังนั้นอัตราการเติบโตคงยังไม่มาก แต่ในไตรมาส 3/55 น่าจะขยายตัวได้มากขึ้น และไตรมาส 4/55 จะขยายตัวได้สูงสุด เพราะเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีฐานต่ำ

ภาวะเศรษฐกิจในปี 55 ถือว่ามีความซับซ้อน เพราะยังมีแรงกดดัน 3 ด้าน คือ เรื่องต้นทุนที่จะสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงและราคาน้ำมัน , การส่งออกที่ในปีนี้คงไม่สามารถพึ่งพาให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เนื่องจากจะถูกกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีความกังวลน้อยลงหลังจากไทยกระจายตลาดไปยังจีนและอาเซียนมากขึ้น

และ ปัจจัยที่ 3 ซึ่งมีความสำคัญ คึอความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยคาดว่าปีนี้จะมีกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก และจะพบว่าหลายประเทศจะพยายามไม่ให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนค่า ซึ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้และเข้าไปดูแลได้ลำบาก

นายโฆสิต กล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจอีก 3 ด้าน คือ ปัญหาภัยธรรมชาติ ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยจากข้อมูลของบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้จัดอันดับหายนะสำคัญของโลก 10 อันดับแรกในรอบ 32 ปี พบว่ามหาอุทกภัยของไทยติดอันดับ 7 ร่วมกับเหตุการณ์พายุแคทาลีนาที่สร้างความเสียหายสูงถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง สะท้อนจากรายงาน World Economic Outlook ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่จะออกมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.54 จนถึงล่าสุดในเดือน ม.ค.55 ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวเพียง 3.3% ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องถึง 1.2% จากการออกรายงานในช่วง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีข้อสังเกตว่านอกจากเศรษฐกิจของประเทศตะวันตกแผ่วลงแล้ว เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ก็มีอัตราเติบโตแผ่วลงเช่นกัน ดังนั้นการที่คาดว่าเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่จะเข้ามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกแทนเศรษฐกิจตะวันตกคงเป็นไปได้ยาก

ด้านที่ 3 คือปัญหายุโรปทีเป็นปัญหาทั้งหนี้สินและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะความสามารถในการชำระหนี้มีปัญหา โดยมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประเทศในยุโรปจะต้องมีความเด็ดขาดในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย หรืออาจจะต้องมีการปรับลดค่าเงินเพื่อแก้ไขปัญหา หรืออาจจะเห็นบางประเทศที่ไม่สามารถอยู่ในกลุ่มอียูได้อีกต่อไป ซึ่งหากเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยก็จะส่งผลกระทบมาก เพราะมีการนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 20% ดังนั้น เศรษฐกิจจีนก็อาจจะเติบโตไม่ถึง 8% นอกจากนั้นสหรัฐก็เป็นผู้ส่งออกหลักไปยังยุโรปเช่นกันก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐสะดุดลงไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ