ม.หอการค้า มองโอกาสGDPปีนี้โตสูงกว่า 5%หากการเมืองสงบ-ดูแลราคาพลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 9, 2012 12:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ในปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 5% หากปัญหาการเมืองในประเทศมีความสงบ และรัฐบาลสามารถบริหารจัดการราคาพลังงานได้ โดยมองว่าปัญหาการเมืองและราคาพลังงานในประเทศเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่จะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปีนี้

เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมายังมีความไม่ชัดเจนจากด้านการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ตลอดจนการออก พ.ร.ก.กู้เงินที่จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการปัญหาน้ำในภาพรวมนั้น ถือว่าเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลพวงจากการบริหารราคาพลังงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นราคาก๊าซ NGV, ก๊าซ LPG ในภาคการขนส่ง รวมทั้งความไม่ชัดเจนในการเก็บภาษีน้ำมันดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการปัจจัยเสี่ยงจากทั้งด้านการเมือง และราคาพลังงานได้ ก็มีโอกาสที่จีดีพีในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 5%

"ถ้าการเมืองไม่สะดุด และรัฐบาลสามารถบริหารจัดการราคาพลังงานได้ ก็มีโอกาสที่ปีนี้จีดีพีจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% จากที่ปัจจุบัน ม.หอการค้าฯ มองไว้ที่กรอบ 4.5-5% หรือเฉลี่ยที่ 4.7%" นายธนวรรธน์ กล่าว

ส่วนจีดีพีในไตรมาส 1/55 นี้ คาดว่าจะเติบโตได้ราว 1.5-2% เนื่องจากในช่วงนี้เริ่มมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ที่เริ่มเด่นชัด ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปจะสามารถคลี่คลายลงได้ และไม่เห็นสัญญาณการทรุดตัวที่รุนแรง ซึ่งในจุดนี้เริ่มทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มากขึ้น และนำไปสู่การเร่งให้มีการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้นตามมา "ตอนนี้เม็ดเงินเริ่มทะลักเข้าไทยเยอะ ถ้าเราสามารถดึงเงินให้เข้ามาลงทุนในหุ้น หรือไม่ให้มีการถอนตัวเร็ว จะทำให้เห็นภาพความมั่งคั่งที่เร็วขึ้น ช่วยเร่งการจับจ่ายใช้สอย ไตรมาสแรกนี้จะเห็นได้ว่าบรรยากาศหุ้นที่ทะยานขึ้น นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น น่าจะทำให้จีดีพีไตรมาสแรกนี้โตได้ 1.5-2% จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและหุ้นที่คึกคัก" นายธนวรรธน์ กล่าว

ขณะที่ไตรมาส 2 มองว่า จะเป็นช่วงที่เม็ดเงินในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลได้เริ่มเข้าสู่ระบบ ประกอบกับเม็ดเงินที่ภาคประชาชนและธุรกิจเริ่มได้รับจากการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ไตรมาส 2 จีดีพีจะเติบโตได้ราว 4-5% ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ 6-8% จากผลพวงและมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ช่วงต้นปี และจะทำให้ทั้งปีจีดีพีจะเติบโตได้ตามที่ ม.หอการค้าไทย คาดไว้ที่ระดับ 4.5-5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ