สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) โดยยูโรทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลของกรีซบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนรัดเข็มขัดชุดใหม่ ซึ่งจะปูทางให้กรีซได้รับเงินกู้รอบสอง นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ออกมาแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.20% แตะที่ 1.3284 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3257 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ขยับลงเล็กน้อย 0.01% แตะที่ 1.5814 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5816 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.82% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.670 เยน จากระดับ 77.040 เยน แต่ขยับลง 0.09% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9117 ฟรังค์ จากระดับ 0.9125 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.06% แตะที่ 1.0784 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0790 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนดืร่วงลง 0.12% แตะที่ 0.8334 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8344 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากกนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนรัดเข็มขัดชุดใหม่เพื่อแลกกับเงินกู้รอบสองวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโรจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระเงินกู้คืนเจ้าหนี้เอกชนเป็นจำนวน 1.44 หมื่นล้านยูโร ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีได้แสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน และอีซีบีได้ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยอีซีบีจะรอดูผลของมาตรการปล่อยเงินกู้ระยะยาวที่ได้ดำเนินการไปเมื่อปลายปีที่แล้วและเตรียมที่จะดำเนินการอีกเป็นครั้งที่สองในปลายเดือนนี้
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ก.พ. ลดลง 15,000 ราย มาอยู่ที่ 358,000 ราย สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว
สกุลเงินปอนด์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 5 หมื่นล้านปอนด์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งแม้ว่ามาตรการ QE จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในอีกทางหนึ่งก็จะกดดันมูลค่าของสกุลเงินปอนด์ด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.80 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.775 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะอยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ลดลงจาก 8.597 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.