นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวในการมอบนโยบายให้กับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่าประเทศ (ทูตพาณิชย์)ว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยให้มีการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นของไทยในประเทศนั้นๆ หรือทีมไทยแลนด์ เพื่อช่วยกันส่งเสริมและผลักดันการค้าการลงทุนของไทยในต่างประเทศ และทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 15% ในปีนี้ ไม่เช่นนั้นเป้าหมายนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะปีที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ทำให้โรงงานหลายแห่งเสียหายจนหยุดการผลิต
พร้อมกันนี้ไทยจะต้องเร่งเจาะตลาดในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) รวมถึงเน้นทำการค้ากับประเทศคู่เจรจา FTA ทั้งจีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(EU) ที่มีแนวโน้มกำลังซื้อจะชะลอตัว และทำให้ยอดการส่งออกทั้งปี 55 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 54
"ถ้าทูตพาณิชย์ทำงานกันหนักขึ้น และภาคเอกชนฟื้นตัวจากน้ำท่วมแล้ว หลังไตรมาส 1 ก็อาจจะมีการทบทวนเป้าหมายการส่งออกใหม่" นายบุญทรง กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ยังต้องการให้มีการ Re-branding Thailand หรือหาแนวทางในการรุกทำการค้ากับทั่วโลก ตามนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยต้องวางตำแหน่งสินค้าต่างๆ ของไทยในตลาดโลก ทั้งสินค้าเกษตรอย่าง ข้าว, มันสำปะหลัง, ยางพารา และสินค้าอุตสาหกรรม โดยดูว่าตลาดใดมีความต้องการสินค้าอะไร และการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น
ด้านนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 15% แม้จะมีความผันผวนในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่ม 3 ประเทศหลัก คือ สหรัฐฯ อียู และญี่ปุ่น ที่ยังคาดเดายากว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเมื่อไร ประกอบกับการส่งออกสินค้าไทยไตรมาสแรกจะยังได้ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เพราะภาคการผลิตเสียหาย
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกและน่าจะขยายตัวได้ เพียงแต่ทูตพาณิชย์จะต้องเร่งทำงานเชิงรุกเพื่อผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ รวมถึงหาข้อมูลเศรษฐกิจในต่างประเทศ เสาะหาวัตถุดิบเพื่อนำเข้ามาผลิตสินค้าสำหรับส่งออก รวมทั้งสนับสนุนภาคเอกชนให้คล่องตัวมากขึ้น