นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ผู้แทนธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) ได้เข้ามาสอบถามรัฐบาลถึงความต้องการที่จะกู้เงินจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือไม่ ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีความต้องการก็จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ประเทศอื่นกู้แทน ซึ่งตนเองได้ชี้แจงไปว่ารัฐบาลจะสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้หลังกระบวนการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลยังมีเวลาที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวถึงเดือน พ.ค.55 และเงินกู้จำนวนดังกล่าวรัฐบาลสามารถนำไปใช้ดำเนินการได้ทุกโครงการ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะนำไปในเรื่องใดบ้าง
ส่วนการหารือกับผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) นั้นเป็นการเดินทางมาสอบถามถึงการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นการพบปะกันประจำปีอยู่แล้ว โดยผู้แทนไอเอ็มเอฟได้สอบถามถึงความกังวลในเรื่องการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเองได้ชี้แจงว่า หากกระบวนการพิจารณาเกิดปัญหาติดขัด ภายในปีนี้รัฐบาลก็จะตั้งงบประมาณจำนวน 6 หมื่นล้านบาทเพื่อจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับจะผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญได้
นอกจากนี้ยังได้ชี้แจงถึงการดำเนินนโยบายในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ราคาสินค้าเกษตร การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีแบบขาดดุล ซึ่งในปีงบประมาณ 55 รัฐบาลได้ตั้งเป้าการขาดดุลไว้ 4 แสนล้านบาท และจ่ายคืนเงินคงคลังจำนวน 5.4หมื่นล้านบาท ส่วนในปีงบประมาณ 56 ตั้งเป้าขาดดุลน้อยลงกว่าปีงบประมาณ 55 โดยแนวทางการดำเนินงานนั้นได้หารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยไปแล้ว และจะเร่งเสนอกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 56 ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาโดยเร็ว