ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาด ขณะที่จีนให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนต่อไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 19.29 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 12,897.57 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.96 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,354.46 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 12.31 จุด หรือ 0.42% ที่ 2,944.14 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนกุมภาพันธ์ ปรับเพิ่มขึ้นแตะ 19.53 จุด จากระดับ 13.48 จุดในเดือนมกราคม ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 15.0 จุด และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553
ทั้งนี้ ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน แสดงความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรในระหว่างการพบปะกับบรรดาผู้นำชาติยุโรปที่เดินทางเยือนจีน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า จีนจะยังคงเดินหน้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนต่อไป และจะร่วมคลี่คลายวิกฤตหนี้ยุโรป
นักลงทุนต่างรอดูสถานการณ์เกี่ยวกับกรีซ หลังจากบรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป ได้ยกเลิกแผนการที่จะจัดประชุมหารือแผนช่วยเหลือกรีซที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ ตามเวลายุโรป และตัดสินใจหารือกันทางโทรศัพท์แทน โดยนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ปเปิดเผยว่า รัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมเรื่องการอนุมัติความช่วยเหลือกรีซรอบที่สอง
หุ้นเคลล็อกทะยาน 3.4% หลังบริษัทตัดสินใจซื้อธุรกิจมันฝรั่งพริงเกิลส์ จากพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ด้วยเงินสดคิดเป็นมูลค่าราว 2.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นซิงก้า อิงค์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ที่สุดให้เฟซบุ๊ก ร่วงลง 5.4% หลังต้นทุนการพัฒนาเกมฉุดกำไรของบริษัท
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.