detik.com online ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บท่ารายใหญ่สุดของอินโดนีเซียรายงานโดยอ้างข้อมูลจากธนาคารกลางอินโดนีเซียว่า อุตสาหกรรมธนาคารของอินโดนีเซียมีกำไรเพิ่มขึ้น 31% สู่ระดับ 75.077 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 8.31 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2554 ซึ่งบ่งถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของปัจจัยในระยะปานกลางภาคธนาคาร ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ
รายงานดังกล่าวระบุว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการดำเนินงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 390,779 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 4.325 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2554 จากระดับ 350,873 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 4.883 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2553
แถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ของธนาคารกลางระบุว่า ยอดสินเชื่อของอุตสาหกรรมธนาคารของอินโดนีเซียขยายตัว 24.5% ในปี 2554 โดยสินเชื่อเพื่อการลงทุนขยายตัว 33.2% สินเชื่อทุนขยายตัว 21.4% และสินเชื่อผู้บริโภคขยายตัว 24.1% ในขณะที่หนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงสู่ต่ำกว่าระดับ 5% และอัตราส่วนสภาพคล่องของเงินทุนขยายตัวอย่างต่อเนื่องทะลุระดับ 8%
ส่วนในปีนี้ นายฮาลิม อาลัมยาห์ รองผู้ว่าการธนาคารกลางคาดว่า ยอดสินเชื่อของภาคธนาคารอาจขยายตัว 23.6%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอินโดนีเซียได้ขยายตัว 6.5% ในปี 2554 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2539 แต่หลายสถาบันคาดว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียอาจจะขยายตัวในอัตราที่ช้าลงในปีนี้ เนื่องจากวิกฤติหนี้สินในยุโรปอาจทำให้ปริมาณการส่งออกของประเทศลดลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเหนือความคาดหมายลง 0.25% สู่ระดับ 5.75% หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันนาน 2 เดือนโดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยธนาคารกลางได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปี 2553 รวมทั้งหมด 0.75% สู่ระดับ 6.0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลง