กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.48 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 33 ปี เนื่องจากยอดการส่งออกชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินเยนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเดือนม.ค.ของญี่ปุ่นหดตัวลง 9.3% จากปีที่แล้ว มาอยู่ที่ระดับ 4.51 ล้านล้านดอลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อันเนื่องมาจากการร่วงลงของยอดส่งออกสินค้าประแภทเซมิคอนดัคเตอร์และชิ้นส่วนอเล็กทรอนิกไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย
ขณะที่ยอดการนำเข้าขยายตัว 9.3% สู่ระดับ 5.99 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 25 เนื่องจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้น ในขณะที่การเติบโตของสาธารณูปโภคภายในประเทศช่วยหนุนการผลิตพลังงานความร้อนให้กลายเป็นทางเลือกใหม่ในช่วงที่การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง อันเนื่องมาจากสึนามิที่สร้างความเสียหายให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ
รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า จีนยังคงเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น และในเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากับจีนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.879 แสนล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน