รมว.คลังยูโรโซนได้บรรลุข้อตกลงในการอนุมัติมาตรการช่วยเหลือรอบ 2 สำหรับกรีซวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโรแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และลดหนี้สินของกรีซลงเหลือ 120.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2563
นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ปกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า "หลังจากการประชุมที่ใช้เวลาอย่างน้อย 13 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลงแล้ว เราก็ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ และข้อตกลงว่าด้วยการดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม (PSI) งจะช่วยให้กรีซหนี้สินของกรีซลดลงได้อย่างมาก"
"มาตกรการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่นี้มีวงเงินประมาณ 1.30 แสนล้านยูโร หรือ 1.72 แสนล้านดอลลาราสหรัฐ โดยจะมีการเบิกจ่ายเป็นงวดไปจนถึงปี 2557 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้สัดส่วนหนี้ของกรีซลดลงมาอยู่ที่ 120.5% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่ 160% ของจีดีพี"นายยุงเกอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
มาตรการให้ความช่วยเหลือกรีวครั้งที่ 2 ซึ่งกำหนดขึ้นโดย "กลุ่มทรอยก้า" อันประกอบไปด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), สหภาพยุโรป (อียู) และธนาคารกลางยุโรป (ไอเอ็มเอฟ) นั้น จะช่วยให้กรีซสามารถชำระหนี้ในการไถ่ถอนพันธบัตรมูลค่า 1.45 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะครบกำหนดส่งมอบในวันที่ 20 มี.ค.ได้ ซึ่งจะนอกจากจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้แล้ว ยังจะช่วยให้กรีซสามารถรวมกลุ่มอยู่ในยูโรโซนได้ต่อไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากที่รมว.คลังยูโรโซนอนุมัติข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือกรีซได้ไม่นาน นักลงทุนภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรของกรีซ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะยอมรับการขาดทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือกรีซ ด้วยการยอมรับเงื่อนไขการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะช่วยลดภาระหนี้สินของกรีซและช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้