นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปภายหลังจากที่ผลตีความ พ.ร.ก.การเงิน 2 ฉบับไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็คือการเดินหน้าโครงการเร่งด่วนในการป้องกันและบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้ทันกับฤดูฝนที่จะมาถึงในเดือน พ.ค.- มิ.ย.นี้ โดยงานแรก ๆ ที่จะเร่งทำคือการก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำริมฝั่งเจ้าพระยาเป็นการถาวรทดแทนแนวกระสอบทรายเดิมในปีที่แล้ว คาดว่าต้องใช้เม็ดเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่ 2 เป็นโครงการจัดเตรียมพื้นที่รองรับน้ำ ล่าสุดจากการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ ทำให้ได้เห็นความชัดเจนแล้วว่าจะมีพื้นที่รองรับน้ำประมาณ 1.5 ล้านไร่ โดยจะต้องเตรียมพื้นที่ไว้รองรับกับปริมาณน้ำฝนที่เอ่อล้นออกจากแม่น้ำลำคลองสายต่างๆ ให้มารวมไว้ในแต่ละจุดเพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเรือนประชาชน คาดว่าจะต้องเตรียมงบประมาณไว้ราว 6 หมื่นล้านบาทสำหรับการชดเชยให้แก่ประชาชนที่ต้องเสียสละพื้นที่ให้ใช้เป็นพื้นที่รับน้ำ
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงแกษตรและสหกรณ์ไปประสานและทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำให้บริหารจัดการการเพาะปลูกให้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาสำหรับการเป็นพื้นที่รับน้ำประมาณ 4 เดือน
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า โครงการเร่งด่วนดังกล่าวคาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ ส่วนแผนการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะทยอยนำเสนอ ครม.ตามโครงการที่มีความพร้อมจะดำเนินการได้ก่อน โดยไม่จำเป็นต้องเสนอพร้อมกันทุกโครงการในคราวเดียวกัน