นายเคียวอิจิ ทานาดะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา Post Forum Roadmap to Recovery : Thailand in 2012 ว่า ขณะนี้นักธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยประมาณ 80% สามารถกลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจได้เป็นปกติแล้ว หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ส่วนที่เหลืออีกราว 20% คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จึงจะสามารถกลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
พร้อมกันนี้ มองว่าไม่เฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น แต่ยังรวมถึงนักลงทุนประเทศอื่นที่ยังมีความเป็นห่วงแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอุทกภัยรุนแรงเช่นในปี 2554 แต่ทราบว่ารัฐบาลไทยได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากไจก้า ในการวางระบบแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งหากได้รับการชี้แจงและการยืนยันที่ชัดเจนจากไจก้าว่าจะสามารถบริหารจัดการและรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในไทยได้แล้ว ก็เชื่อว่านักลงทุนจะคลายกังวลในจุดนี้ได้
ส่วนที่มีข่าวว่าโรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าในไทยอาจจะย้ายการผลิตไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซียนั้น นายทานาดะ กล่าวว่า อาจจะเป็นเพียงการย้ายการผลิตชิ้นส่วนบางประเภทที่ไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมือแรงงานมากนักไปยังประเทศดังกล่าวชั่วคราว แล้วจึงส่งกลับมาประกอบในประเทศไทย
ทั้งนี้ ฝากถึงรัฐบาลว่าการจะย้ายการผลิตออกจากประเทศไทยหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องน้ำท่วมโดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย โดยได้ขอให้ทางการช่วยดูแลเรื่องค่าเงินบาทไม่ให้อยู่ในระดับที่แข็งค่ามากไปกว่านี้ และมองว่าเงินบาทที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ ยังอยู่ในระดับที่ผู้ประกอบการยังสามารถรับได้
ส่วนกรณีผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันนั้น โตโยต้าสามารถบริหารจัดการได้ เช่นการเพิ่มกำลังการผลิตต่อรอบให้สูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีความมั่นใจในคุณภาพฝีมือแรงงานของไทย แต่ขอให้มีการพัฒนาบุคคลากรอยู่ตลอดเพื่อให้ทันกับการรองรับเทคโนโลยีที่จะถ่ายทอดมาจากญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ยังมีความต้องการให้ไทยเป็นมากกว่าฐานการผลิตรถยนต์ โดยเป็นฐานในการพัฒนาคุณภาพรถยนต์ซึ่งถือว่ามีความเป็นไปได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี