นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงในระยะสั้น หลังจากที่การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซมีความชัดเจนขึ้น เห็นได้จากเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 50,000-60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งธปท.ยังติดตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิดว่า มีแรงเก็งกำไรจนผิดปกติหรือไม่ หากมีความจำเป็นเข้าไปดูแล ธปท.ก็มีมาตรการพร้อมดำเนินการอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการลงทุนซื้อเครื่องจักร และวัตถุดิบวัสดุต่างๆ เพื่อฟื้นฟูกิจการที่ประสบภัยน้ำท่วม จึงมีเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าและออกสมดุล ประกอบกับดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เอื้อต่อการออกไปลงทุนในต่างประเทศ และเป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ค่าเงินบาทค่อนข้างแกว่งตัวและผันผวนเร็ว ซึ่งธปท.ก็ตื่นตัวติดตามใกล้ชิดตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4% ตามภูมิภาค แต่ยังถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับบางประเภทในภูมิภาค" นางสุชาดา กล่าว