สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ปี 2554 ปรับตัวลดลง 0.2% จากไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากหลายบริษัทปรับลดการลงทุน
โดยการลงทุนภาคธุรกิจดิ่งลง 5.6% ทำสถิติร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554 ซึ่งตอกย้ำถึงความเสี่ยงที่นายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและไม่แน่นอน
แต่การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง เนื่องจากมีมุมมองในแง่บวกว่าอังกฤษจะรอดพ้นจากภาวะถดถอย หลังจากบรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้ให้อนุมัติข้อตกลงช่วยเหลือกรีซวงเงิน 1.3 แสนล้านยูโรในสัปดาห์นี้ ซึ่งนีบเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดส่งออกที่สำคัญของอังกฤษ
เมื่อช่วงกลางเดือนนี้ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือที่เป็นลบต่ออังกฤษ ซึ่งการที่มูดี้ส์ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA ของอังกฤษมีแนวโน้มเชิงลบนั้น นับเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการหั่นเครดิตของอังกฤษลงจากระดับดังกล่าวในอนาคต ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษก็ระบุว่าสัญญาณเตือนจากมูดีส์ดังกล่าวตอกย้ำถึงความจำเป็นของแผนการรัดเข็มขัดมูลค่า 1.50 แสนล้านปอนด์ของเขา