การประชุมระยะเวลา 2 วันของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ได้สิ้นสุดลงแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยที่ประชุมได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆในยุโรปเพิ่มความพยายามในการเอาชนะวิกฤตหนี้ยูโรโซน และส่งสัญญาณว่า กลุ่ม G20 มีความตั้งใจที่จะบรรลุข้อตกลงการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อช่วยเหลือประเทศยูโรโซน
"ประเทศต่างๆในยุโรปกำลังประเมินความแข็งแกร่งของฐานเงินทุนภายในภูมิภาค เพื่อดูว่าจะสามารถจ่ายเงินสมทบในการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับไอเอ็มเอฟได้หรือไม่ เรากำลังทบทวนทางเลือกต่างๆในเรื่องการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับไอเอ็มเอฟในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเราจะทบเรื่องนี้ในการประชุมรมว.คลัง G20 ในเดือนเม.ย. " ที่ประชุม G20 กล่าวในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเม็กซิโก ซิตี้
ทั้งนี้ ที่ประชุม G20 ตะหนักว่า เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงฟื้นตัวปานกลางและแรงกดดันในตลาดการเงินทั่วโลกก็เริ่มบรรเทาลงแล้ว เพราะได้แรงหนุนจากการใช้นโยบายที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังชื่นชมผู้นำยุโรปในการบังคับใช้มาตรการลดแรงกดดันด้านการเงินและช่วยสนับสนุนกรีซให้สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม G20 เตือนว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัวเล็กน้อยในปีนี้ และความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะขาลงนั้น มีอยู่สูงมาก
นอกจากนี้ ที่ประชุม G20 ยังเตือนว่า ราคาน้ำมันดิบมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นอีก เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่สร้างความเชื่อมั่นว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะมีอย่างเพียงพอ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กลุ่ม G20 ได้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ IMF ออกไปเพราะต้องการรอดูผลการประชุมผู้นำ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์หน้า ซึ่งที่ประชุมจะประเมินความแข็งแกร่งของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งมีวงเงิน 5 แสนล้านยูโร และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงิน (ESM) ซึ่งจะมาทำหน้าที่แทน EFSF ในวันข้างหน้า