นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการเปิดตลาดสินค้าเกษตร 3 ชนิด คือหอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก(WTO) ปี 2555-2557
โดยแบ่งเป็น หอมหัวใหญ่ปริมาณการเปิดตลาดในโควตาปีละ 600 ตัน (ตามข้อผูกพัน 365 ตัน) อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 27 และอัตราภาษีนอกโควตา ร้อยละ 142 โดยให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้จัดสรรให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า
ส่วนเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตาปีละ 3.15 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0 (ตามข้อผูกพันร้อยละ 30) และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 218 โดยให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นการนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว
ขณะที่มันฝรั่ง ให้เปิดตลาดไม่จำกัดจำนวน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 0 (ตามข้อผูกพันร้อยละ 27) และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 125
ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่งกำหนด กำหนดดังนี้ คือ ผู้นำเข้าต้องทำหนังสือรับรองพื้นที่เพาะปลูก มีทะเบียนเกษตรการความต้องการหัวพันธุ์ ราคารับซื้อจากเกษตรกร และราคาขายหัวพันธุ์ โดยมีเกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัดรับรอง และราคาขายหัวพันธุ์มันฝรั่งพันธุ์โรงงานไม่เกินกิโลกรัมละ 35 บาท โดยกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำในฤดูแล้ง กิโลกรัมละ 8.90 บาท และฤดูฝน กิโลกรัมละ 14 บาท
ส่วนหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ให้เปิดตลาดในปริมาณในโควตาปีละ 37,000 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 27 และนอกโควตาร้อยละ 125 ภายใต้เงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่งกำหนดดังนี้ คือ ทำสัญญารับซื้อผลผลิตหัวมันฝรั่งสดจากเกษตรกร โดยกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำในฤดูฝน (กรกฎาคม-ธันวาคม) กิโลกรัมละ 14 บาท และฤดูแล้ง (มกราคม-มิถุนายน) กิโลกรัมละ 8.90 บาท และให้นำเข้าช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม