นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการเดินทางเยือนกรุงย่างกุ้ง เมืองทวาย และเมืองมะริด สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ระหว่างวันที่ 22-25 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ได้เดินทางไปสำรวจเมืองท่าสำคัญ 3 เมือง คือ ย่างกุ้ง, ทวาย และมะริด เพื่อศึกษาลู่ทางการค้าและการลงทุน ภายหลังพม่าได้เปิดประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสกับทุกประเทศ และรมว.พาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กรม ทำงานเชิงรุก ในการนำผู้ประกอบการไทยบุกเจาะตลาดพม่า และผลักดันให้ไทยเป็นคู่ค้าสำคัญของพม่าต่อไป
ทั้งนี้ พบว่ากรุงย่างกุ้งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและกระจายสินค้าไปสู่ภาคต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะการค้าอัญมณีและการส่งออกไม้สัก มีเขตนิคมอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคมากกว่าเมืองอื่นๆ รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมประมง ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถ ร้านทำผม และสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมไม้แปรรูป การผลิตของชำร่วยและสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากไม้ เป็นต้น
ส่วนเมืองทวาย เป็นเมืองท่าขนาดกลางทางใต้ สามารถเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ได้ มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าไม้และพื้นที่เกษตรกรรม อยู่ใกล้แหล่งก๊าซธรรมชาติ มีอุตสาหกรรมต่อเรือเดินสมุทร โอกาสในการลงทุนครอบคลุมหลายทุกสาขาตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมหนัก การพัฒนาชุมชน ธุรกิจท่องเที่ยว ตลอดจนธุรกิจในภาคการเงินการธนาคาร
สำหรับเมืองมะริด มีอุตสาหกรรมต่อเรือเดินสมุทรเช่นเดียวกับทวาย การทำสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางและพื้นที่ป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ในด้านทะเลอันดามัน มีการเลี้ยงหอยมุกคุณภาพดีและทำประมง นอกจากนี้ยังมีเพชร หยก และดีบุกจำนวนมาก อุตสาหกรรมที่น่าลงทุน เช่น อุตสาหกรรมอัญมณี ปาล์มน้ำมันและยาง ประมงและการแปรรูปสินค้าประมง
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า พม่าได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ระยะ 5 ปี โดยมุ่งพัฒนารัฐต่างๆ 7 รัฐ ยกระดับการให้บริการสาธารณูปโภค พัฒนาอุตสาหกรรม และทบทวนกฎหมายส่งเสริมการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ มีการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ มากขึ้น และยังมีการปรับข้อบังคับเรื่องการเช่าที่ดิน และปรับระบบการธนาคารให้เป็นสากลมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเข้าไปทำการค้าและการลงทุนของไทย