นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ธนาคาร ได้ลงนามร่วมกับ นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ในกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ ธสน. เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงในการส่งออกสินค้าเม็ดพลาสติกไปยังตลาดอินโดนีเซีย และลงนามในบันทึกข้อตกลงการรับประกันต่อ (Reinsurance Agreement) ร่วมกับนายซาฟรีล ราซีฟ อามิร กรรมการผู้จัดการ PT Asuransi Ekspor Indonesia Persero (ASEI) หรืออาเซ่ ซึ่งเป็นองค์กรรับประกันการส่งออกแห่งชาติของอินโดนีเซีย
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ธสน. จะให้บริการประกันการส่งออกเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงด้านการชำระเงินค่าสินค้าส่งออกของผู้ผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซียให้แก่บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีครบวงจรรายใหญ่ของไทยและผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีอาเซ่เป็นผู้รับประกันต่อ (Reinsurer) ทำหน้าที่รับประกันความเสี่ยงต่อจาก ธสน. อีกทอดหนึ่ง ในกรณีที่เอสซีจี พลาสติกส์ไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากการส่งออกดังกล่าวเนื่องจากความเสี่ยงทางการค้า ได้แก่ ผู้ซื้อล้มละลาย ผู้ซื้อปฏิเสธการชำระเงิน ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า หรือความเสี่ยงทางการเมือง ธสน. จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดถึงร้อยละ 90 ของความเสียหายที่เกิดขึ้น ตลอดจนช่วยติดตามหนี้คืนเมื่อมีปัญหา
“นับเป็นครั้งแรกของโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินของรัฐในไทยและอินโดนีเซียเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้แก่บริษัทเอกชนรายใหญ่ของทั้งสองประเทศ ช่วยให้บริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ของไทยสามารถขยายธุรกิจผลิตและส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังอินโดนีเซียได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า เพื่อส่งออกต่อไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในเวทีการค้าระหว่างประเทศท่ามกลางโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นในตลาดอาเซียนซึ่งกำลังก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายเสริมสร้างโอกาสและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ซึ่งจะขยายผลเป็นโอกาสในการพัฒนาภาคการผลิต การค้า และเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันในระยะยาวและยั่งยืน" นายคนิสร์ กล่าว
ด้าน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเอสซีจี เคมิคอลส์ในการเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำที่พร้อมจะเติบโตอย่างยั่งยืนในอาเซียน แต่ยังเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาคที่สามารถผลักดันให้บริษัทจากสองประเทศทำธุรกิจร่วมกันได้ ส่งผลให้ตลาดการส่งออกในธุรกิจปิโตรเคมีขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อองค์กรธุรกิจที่ส่งออกเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสในการทำงานและรายได้ให้แก่สังคมทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยสำหรับการแข่งขันในตลาดโลกและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดการค้าเสรีในอนาคตด้วย
"นับเป็น win-win ของความร่วมมือแบบ Co-creation ที่ช่วยทำให้ผู้ผลิตถุงพลาสติกในประเทศอินโดนีเซียมีวัตถุดิบผลิตสินค้าส่งออกในตลาดโลก ก่อให้เกิดการสร้างงานในภาคการผลิตอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ทำให้เอสซีจี เคมิคอลส์มียอดส่งออกในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 2,400 ล้านบาท และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์พลาสติกในภูมิภาคโดยรวม" นายศักดิ์ชัยกล่าว